วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

ทำไงดีเมื่อหิวกลางดึก


หิวกลางดึกทำไงดี!!!

อาการหิวตอนกลางคืนมันช่างทรมานซะจริงๆ สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเราได้นำ 5 วิธีแก้หิวตอนกลางคืนมาฝากเพื่อความสวยและสุขภาพที่ดีกันจ้า

 1. กินอาหารให้ครบทั้งสามมื้อ เช้า กลางวัน และเย็น คนที่หิวตอนกลางคืนมักชอบงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งหรือไม่กินอาหารอย่างสมดุล ในระหว่างวัน
 2. ติดป้ายไว้ที่ประตูตู้เย็นหรือตู้กับข้าวว่า “งดบริการหลังอาหารค่ำ”
 3. แปรงฟันทันทีหลังอาหารค่ำเพื่อเตือนตัวเองว่า ห้ามกินอาหารอีกแล้ว
 4. ไม่กินอาหารพร้อมกับการทำกิจกรรมอื่น ๆ ไปด้วย เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูทีวี หรือนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะได้ไม่กินมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว
 5. การกินมื้อดึกอย่างเดียว ไม่ได้เป็นสาเหตุของน้ำหนักขึ้นแต่เกี่ยวกับจำนวนแคลอรีที่คุณกินมากกว่า เวลากิน ฉะนั้นเลือกกินอาหารแคลอรีต่ำไว้ก่อนถ้าไม่อาจเลี่ยงการกินตอนกลางคืนได้ จริง ๆ

วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

ร้อนนี้ทำผมสีอะไรดี


ร้อนนี้ทำผมสีอะไรดี??

สีน้ำตาลเข้มช็อกโกแลต
ใครว่าโทนเข้มจะทำให้ขรึม เราขอเถียงว่าไม่จริง! เพราะสีนี้จะทำให้ใบหน้าดูสว่างและอ่อนเยาว์ขึ้นอีกเป็นกอง หากอยากเปรี้ยวขึ้นอีกนิดให้ลองทำไฮไลท์เพิ่มเข้าไปอีกสักหน่อย แค่นี้ก็เก๋ขึ้นแล้ว แนะนำว่าสาวผิวเข้มอย่าได้พลาดสีนี้เป็นอันขาด
สีน้ำตาลประกายแดง ประกายม่วง
เหมาะกับสาวผิวขาวเหลืองเป็นที่สุด เพราะจะช่วยปรับผิวหน้าให้มีความสดใส มีชีวิตชีวาแถมยังช่วยขับผิวให้ดูเปล่งปลั่งและเปรี้ยวมากยิ่งขึ้น
สีคาราเมล น้ำตาลประกายทอง
สียอดฮิตที่เหมาะกับสาว ๆ ทุกสีผิว เพราะสร้างมิติลูกเล่นให้กับเส้นผมได้หลากหลายแบบ อาจดูเซ็กซี่น่าค้นหา หรือดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยก็ได้ตามสไตล์ของแต่ละคน
สีน้ำตาลอมส้ม
สาวผิวขาวซีดเหมาะที่สุดในการทำสีเฉดน้ำตาลอมส้ม หรือน้ำตาลอ่อน ๆ เพราะจะช่วยขับผิวให้ดูขาวแบบไม่ซีดเซียว โดดเด่นน่ามอง แถมยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกให้มั่นใจมากยิ่งขึ้น
ส่วนสีผมที่ไม่ควรทำ คือ สีดำสนิท สีบรอนซ์ทอง เพราะสีดำจะทำให้ใบหน้าดูเข้มขรึม ขาดสีสัน ส่วนสีบรอนซ์จะทำให้ดูป่วยและโทรมในเวลาที่ไม่แต่งหน้าได้
**หากสาว ๆ จะเลือกทำสีผมอะไรก็แล้วแต่ ยังไงก็ต้องไม่ลืมที่จะบำรุงรักษาสีผมให้สวยติดทน เปล่งประกายกันด้วยนะคะ^^

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

รู้มั๊ยใช้กระเป๋าสีไหนแล้วรวย??


รู้มั๊ยใช้กระเป๋าตังค์สีไหนแล้วรวย??
คนเกิดวันจันทร์ ไม่ควรใข้กระเป๋า สตางค์สีแดงหรือกระเป๋าสตางค์ที่ทำมาจากหนังสัตว์ แต่กระเป๋าที่เหมาะจะใช้ควรเป็น สีน้ำตาลหรือสีม่วง
คนเกิดวันอังคาร ไม่ความใช้กระเป๋าที่ทำจากหนังสัตว์ ส่วนสีต้องห้ามสำหรับคนเกิดวันอังคารคือสี น้ำตาล และสี ครีม ส่วนสีที่ถูกโฉลกกับคุณคนเกิดวันอังคาร ได้แก่ สีชมพู สีแสด และสีส้ม
คนเกิดวันพุธ สีที่เหมาะกับคนเกิดวันพุธ ได้แกสี เขียวครีมและน้ำตาล ไม่ควรใช้ สีดำ และชมพู กระเป๋าที่ทำจากหนังสัตว์โดยเฉพาะที่ทำจากหนังของสัตว์ปีก
คนเกิดวันพฤหัสบดี สีที่เหมาะและแนะนำคือ สีแดง หรือส้ม ห้ามอยู่สีเดี่ยวคือ สีดำ สำหรับกระเป๋าต้องไม่ใหญ่เกินไป เลือกที่มีช่องใส่พอประมาณไม่เยอะมากเกิน
คนเกิดวันศุกร์ สีของกระเป๋าสตางค์ที่ไม่ควรใช้เลยคือ สีดำ หรือสีโทนมืดๆ ทึมๆไม่สดใส และควรใช้กระเป๋าที่รูปแบบเรียบหรูไม่แปลกเกินไป เพราะจะทำให้เก็บเงินไม่อยู่ ส่วนสีที่ดีและควรใช้ คือ สีฟ้าและสีชมพู
คนเกินวันเสาร์ สีที่เหมาะกับคุณคือ สีม่วง และ สีฟ้า คนเกิดวันเสาร์ ควรใช้กระเป๋าที่ดูไม่เก่าเร็วเกินไป และไม่ควรใช้ สีเขียว หรือน้ำตาล เพราะจะทำให้ไม่มีโชคลาภ และควรจะต้องดูแลให้ใหม่เสมอ
คนเกินวันอาทิตย์ ควรใช้สีกระเป๋าสตางค์ สีโทนสว่าง หรือสีเขียว หรือน้ำตาลอ่อน ไม่ควรใช้กระเป๋าสตางค์ สีฟ้า สีดำ และไม่ควรใช้กระเป๋าที่ทำจากหนังของสัตว์ทะเล 

มาดูกันว่าประเทศไทยติดอันดับอะไรบ้าง


มาดูกันว่าประเทศไทยติดอันดับอะไรบ้าง^^

1. แกงมัสมั่น ประเทศไทย อร่อยที่สุดในโลก และ อันดับ 8 คือ ต้มยำกุ้ง จัดอันดับโดย CNN
2.ไทยดื่มเหล้าอันดับ 5 ของโลก โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดกลั่น
3. ประเทศไทยมีจีดีพีทั้งสิ้น 9.5 ล้านล้านบาท คิดเป็นลำดับที่ 24 ของโลก นับว่าไทยมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอันดับที่ 2 รองจากอินโดนีเซีย
4.ประเทศไทยถือครองสินทรัพย์ในรูปเงินตราต่างประเทศเป็นมูลค่า 172,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก
5.ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับที่ 13 ของโลก ผู้เชี่ยวชาญพยากรณ์ว่า ภายใน พ.ศ. 2558 ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในสิบประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก
6.ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก(ปี2555)
7. เกษตรกรรม การป่าไม้และการประมงสร้างรายได้ให้กับประเทศคิดเป็นเพียง 8.4% ของจีดีพี
8.ไทยติดอันดับละเมิดลิขสิทธิ์ 1 ใน 10 ของโลก มูลค่าตลาดสูงกว่า 1,600 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ในเอเชียรองจากจีนและไต้หวัน(2546)
9.ประเทศไทยมีนางงามจักรวาลแล้ว 2คน ซึ่งเป็นอันดับที่ 5
10.ประเทศไทยใช้อินเตอร์เน็ตมากเป็นอันดับที่ 19ของโลก
11.ไทยติดอันดับอันดับ 5 ของโลก ในการแพร่เว็บลามก (2549)
12.กรุงเทพมหานครติดอันดับเมืองน่าเที่ยว 1ใน5 ทุกปี
13.ประเทศไทยมีความสุขเป็นอันดับที่ 5 ของโลก
14.ประเทศไทยเล่น HI5 Camfrog IG Lineและ Facebook เยอะเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
15.ตลาดหุ้นไทย โดยให้ผลตอบแทนสูงถึงกว่า 35% ติดอันดับหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในโลกอันดับ 5 (ปี2555)
16. ประเทศไทยจัดเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก
17.กรุงเทพมหานครรถติดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก
18.ผู้หญิงไทยสวยอันดับ 3 ของเอเชียจากการโหวต
19.เด็กไทยได้เหรียญโอลิมปิกวิชาการทุกปี
20.ประเทศไทยมีผู้สูงอายุสูงสุดในอาเซี่ยน
21.ไทยน่าลงทุนมากที่อันดับที่ 18 โลก อันดับ 1ของอาเซี่ยน

ขอบคุณข้อมูล Dek-d.com

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

กินอะไรให้ความจำดี?


กินอะไรให้ความจำดี?

1. พืชผักจำพวกหอมหัวใหญ่ พริก ขิง มีสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มเซลล์สมองและกระตุ้นการหลั่งสารอะซีทิลโคลีนจึงช่วยให้ความจำดีขึ้น

2. ใบบัวบก มีสารที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของสมองทำให้สมองตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดี สมาธิดี และความจำดีขึ้น

3. เนื้อสัตว์ มีสารทอรีนที่พบเฉพาะในโปรตีนจากเนื้อสัตว์เท่านั้นช่วยบำรุงสมอง

4. ปลาทะเล มีโอเมก้า 3 ช่วยให้เซลล์ประสาททำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดการเกิดพลัค (plaque) ในสมองและป้องกันอัลไซเมอร์ได้

5. ธัญพืช มีกรดโฟลิก วิตามินบี 12 และวิตามินบี 6 เช่น ซีเรียลธัญพืช รำข้าว หรือข้าวซ้อมมือ อาหารเหล่านี้จะช่วยในเรื่องความจำได้เป็นอย่างดี

6. มะเขือเทศ มีไลโคพีน สารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายของอนุมูลอิสระซึ่งพบ ในอาการของโรควิกลจริตและอัลไซเมอร์

7. บร็อกโคลี เป็นแหล่งรวมของวิตามินเคที่ช่วยในการเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้และช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ

8. ถั่ว ผักใบเขียว ไข่ ข้าวซ้อมมือ มีวิตามินอีช่วยในการป้องกันความจำเสื่อม

9. เมล็ดฟักทอง มีสังกะสีที่มีความสำคัญในการช่วยเพิ่มความทรงจำ ถ้ารับประทานเมล็ดฟักทองวันละ 1 กำมือ จะทำให้ได้รับสังกะสีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
นอกจากอาหารที่แนะนำมาแล้วนั้นยังมีผลการศึกษาวิจัยใหม่ๆ จากนักประสาทวิทยา สหรัฐฯ พบว่า สารเคมีในช็อกโกแลต ชา องุ่น และผลบลูเบอรี่ช่วยบำรุงความจำได้ โดยช่วยให้เลือดลมในสมองเดินดีขึ้นและหากออกกำลังเพิ่มด้วยแล้วก็จะยิ่งช่วย ให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น

หากต้องการให้สมองของเราดีมีความจำที่เป็นเลิศก็อย่าละเลยการรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์บำรุงความจำ และถ้าจะให้ผลดีก็ต้องรับประทานเป็นประจำด้วยสมองก็จะดีแบบเสมอต้นเสมอปลาย ค่ะ

ทำทุกวิธีแต่น้ำหนักก็ยังไม่ลด???


ทำทุกวิธีแต่น้ำหนักก็ยังไม่ลด???

 1. คุณกินชดเชยหลังออกกำลังกายใช่ไหม?
สาว ๆ หลายคนเคยชินกับการให้รางวัลตัวเองด้วยของหวานสักชิ้น หรือน้ำหวานสักแก้วหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก (ก็เพิ่งเบิร์นไปตั้งหลายแคลอรี่นี่นา) แต่การกินแบบนี้จะทำให้ที่คุณออกกำลังมาน่ะเหนื่อยเปล่า! แถมบางทีพลังงานที่คุณกินอาจจะมากกว่าที่เพิ่งใช้ไปด้วยซ้ำ
2. คุณอาจจะนอนไม่พอ
นอนดึก ๆ หรือนอนน้อย ๆ ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายมีเวลาเผาผลาญพลังงานมากขึ้น แต่กลับทำให้ประโยชน์ที่ควรได้จากการออกกำลังกายลดลง และทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าคุณนอนไม่พอเมตาบอลิซึม จะทำงานช้าลงตรงข้ามกับความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้น
3. คุณเครียดเกินไปไหม?
ยิ่งคุณเครียดมากเท่าไหร่ น้ำหนักคุณก็ยิ่งเพิ่มขึ้นง่ายเท่านั้น เวลาเครียด ๆ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาทำให้ความอยากอาหารและการกักเก็บพลังงานในรูปไขมันเพิ่มขึ้น (พุงจะยื่นเลยล่ะ)
4. คุณกินน้อยเกินไปล่ะมั้ง
กินน้อยได้พลังงานน้อยก็จริง แต่ถ้ากินน้อยเกินไปร่างกายจะปกป้องตัวเองตามสัญชาตญาณด้วยการลดอัตราเมตาบอลิซึมลง เพื่อกักเก็บพลังงานเอาไว้ (ป้องกันไม่ให้อดตาย!)
5. คุณลดไม่ต่อเนื่องหรือเปล่า?
การลดอาหารและออกกำลังไม่ต่อเนื่องนั้น แย่ยิ่งกว่าการกินมาก ๆ ออกกำลังกายน้อย ๆ เสียอีก เพราะจะทำให้ร่างกายของคุณปรับตัวไม่ทัน ดีไม่ดีตอนที่คุณกำลังกินอย่างเพลิดเพลิน ร่างกายอาจกำลังเร่งเก็บพลังงานไว้ใช้ตอนที่คุณลดน้ำหนักก็ได้
6. คุณไม่ได้อยากลดน้ำหนักจริง ๆ
ถามตัวเองให้แน่ ๆ ว่าคุณอยากจะลดน้ำหนักแบบจริงจังหรือเปล่า เพราะถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจจริง ไม่นานคุณก็จะเบื่อและท้อ พอมีอะไรมายั่วหน่อยก็อยากกิน อาจจะเดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิกจนไขมันพุ่งขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก
7. คุณออกกำลังไม่หลากหลายล่ะสิ
ออกกำลังกายอยู่อย่างเดียวจนเป็นกิจวัตรประจำวันนอกจากจะน่าเบื่อแล้ว ยังทำให้การเบิร์นไม่ได้ผลเท่าเดิมด้วยนะ เพราะคุณเคยชินกับมันจนเกินไปยังไงล่ะ ปรับเปลี่ยนซะบ้างนะ
8. น้ำหนักที่เห็นอาจไม่สัมพันธ์กับไขมันก็ได้
น้ำหนักที่คุณชั่งได้มีทั้งน้ำหนักของน้ำ มวลกล้ามเนื้อ แล้วก็ไขมัน การออกกำลังกายมาก ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมาแทนที่ไขมันที่หายไป คุณถึงยังน้ำหนักเท่าเดิมยังไงล่ะ
9. คุณอาจใจร้อนเกินไป
ร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน บางคนออกกำลังแป๊บเดียว น้ำหนักก็ลดลงไปเห็น ๆ แต่บางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หรืออาจจะเป็นเดือน อย่าใจร้อน! ให้เวลากับตัวเองหน่อย ถ้าคุณพยายามเดี๋ยวก็เห็นผลเองไม่ต้องรีบ
10. บางทีคุณอาจจะเป็นโรค (ที่ไม่เคยรู้)
โรคบางโรค เช่น ภาวะมีถุงน้ำที่รังไข่ (PCOS) ต่อมธัยรอยด์ผิดปกติ หรือฮอร์โมนที่ไม่สมดุล อาจจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และลดลงได้ยาก หากรู้สึกผิดปกติมาก ๆ ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารมาเป็นเดือน ๆ น้ำหนักก็ไม่หายไปเลย ลองปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายดูนะคะ

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

อาหารที่ช่วยให้ผมเริศถึงขีดสุด


อาหารที่ช่วยให้ผมเริศถึงขีดสุด


นม รวมทั้งชีสและโยเกิร์ต คือแหล่งโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงสุขภาพผม
ปลา เช่น ปลาแซลมอน และปลาแมคเคอรล มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยชะลอผมหลุดร่วง รวมทั้งธาตุเหล็กและวิตามินบี 12 ที่ช่วยบำรุงเส้นผม
ธัญพืช สังกะสีช่วยในเรื่องของฮอร์โมนที่จะทำให้ผมหนานุ่ม รวมทั้งมีวิตามินบีและธาตุเหล็กสูง
วอลนัต มีชีลีเนียมที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะ ลดการเกิดผมหลุดร่วงและรังแค
ถั่วจำพวกฝัก มีสังกะสีและโปรตีนสูง รวมทั้งธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง ไม่เปราะขาดง่าย
แครอท นอกจากวิตามินเอจะดีต่อสายตาแล้ว ยังมีส่วนช่วยบำรุงน้ำมันในเส้นผมและดูแลหนังศีรษะด้วย
ไข่ โปรตีนจากไข่นั้นจำเป็นต่อการเสริมสร้างสลับผม หากไม่ได้โปรตีนเพียงพอก็มีผลต่อสุขภาพผมด้วย
ผักสีเขียวเข้ม เช่น บร็อกโคลี่ ผักโขม เป็นแหล่งรวมของธาตุเหล็กและแคลเซียมที่เสริมการบำรุง และกระตุ้นน้ำมันในต่อมรากผม
เนื้อสัตว์ปีก เนื้อเป็ด ไก่ และไก่งวง อุดมด้วยโปรตีนและธาตุเหล็กที่เสริมสร้างการบำรุงต่อมรากผม
หอยนางรม มีแร่ธาตุอย่างสังกะสีสูง ซึ่งส่งผลให้มันมีสารต้านอนุมูลอิสระด้วย
กล้วย การขาดวิตามินบี 6 เป็นสาเหตุหนึ่งของผมหลุดร่วง ซึ่งวิตามินสารพัดชนิดในกล้วยจะช่วยบำรุงให้ผมแข็งแรงและเงางาม
ข้าวกล้อง คาร์โบไฮเดรตและวิตามินบีในข้าวกล้องทำให้เส้นผมแข็งแรง และมีอายุยืนขึ้นได้

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

6 วิธีง่ายๆแก้ขาใหญ่


ขาใหญ่ทำไงดี กับ 6 วิธีแก้ขาใหญ่

1. ขึ้นบันได
เมื่อไหร่ที่คุณสาวๆ กำลังจะกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้นบน โปรดหยุดก่อนค่ะ แล้วเปลี่ยนไปเลือกขึ้นบันไดแทนดีกว่า ท่องเอาไว้ เพื่อเรียวขาที่สวยงาม เพื่อเรียวขาที่สวยงาม นั่นก็เพราะการก้าวขึ้นบันไดแต่ละก้าวจะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญในร่างกายของคุณ และแน่นอนมันมีผลต่อกล้ามเนื้อต้นขาของคุณด้วยล่ะ นี่เป็นทิปส์ง่าย ๆ ที่คุณแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลย แต่ใช้ได้ผลทีเดียวนะ
2. จ็อกกิ้งกันดีกว่า
การเดินจ็อกกิ้ง หรือวิ่งเหยาะๆ เป็นการออกกำลังกายที่ง่ายกว่าการวิ่งมากๆ และนี่ก็เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ดีมากๆ ด้วยล่ะ เพราะมันจะช่วยเบิร์นไขมันและแคลอรีได้ แต่ถึงกระนั้น ก่อนจะวิ่งก็ต้องเลือกใส่รองเท้าให้เหมาะสมด้วยล่ะ เพื่อไม่ให้เข่า หรือข้อเท้าได้รับบาดเจ็บจากการวิ่ง
3. ปั่นจักรยาน
อีกหนึ่งวิธีการออกกำลังกายที่ดีต่อต้นขาเช่นกัน ก็แน่ล่ะ การปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้ส่วนต้นขามากเป็นพิเศษใช่ไหมล่ะ ยิ่งปั่นมากๆ ก็ยิ่งต้องใช้แรงจากขามากตามไปด้วย โดยเฉพาะต้นขาที่จะได้ออกกำลังอย่างเต็มที่ ทำให้ขาแข็งแรง และมีกำลังมากขึ้น ถ้ารอบบ้านไม่มีพื้นที่ให้ปั่นจักรยาน ก็ลองไปปั่นจักรยานตามสวนสาธารณะดูสิ รับรองว่า วิวสวยๆ สองข้างทาง และอากาศที่สดชื่น ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ จะช่วยให้คุณสาวๆ ปั่นจักรยานเพลินๆ จนลืมเวลาไปเลย
4. เดินเร็วๆ
แทนที่คุณจะออกไปเดินทอดน่องแถวๆ บ้านเมื่อมีเวลาว่าง เราแนะนำให้คุณเปลี่ยนสเต็ปเป็นการเดินเร็วแทน ซึ่งจะมีผลต่อการลดต้นขามากกว่าการเดินแบบธรรมดา และหากคุณเดินเร็วไปเรื่อยๆ สลับกับการเดินปกติบ้าง จะยิ่งช่วยเบิร์นแคลอรี และช่วยขจัดไขมันในส่วนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะที่เรียวขาได้ด้วยนะ
5. ดื่มน้ำเยอะๆ
การดื่มน้ำจะช่วยเพิ่มการเมตาบอลิซึ่มในร่างกาย และยังช่วยล้างพิษให้ร่างกายได้ด้วย แต่หากคุณขาดน้ำ ระบบการเผาผลาญในร่างกายจะทำงานได้น้อยลง ส่วนอวัยวะสำคัญอย่าง "ตับ" ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตับก็ต้องใช้น้ำในกระบวนการเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน ดังนั้น ดื่มน้ำให้บ่อยๆ ซะ เพื่อเร่งอัตราการเผาผลาญ แต่ไม่ใช่ว่าจะมาดื่มตอนคุณรู้สึกกระหายน้ำแล้วนะ เพราะถ้าคุณรู้สึกกระหายขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังขาดน้ำแล้วจ้ะ
6. เลือกทานอาหารสุขภาพ
เลี่ยงซะ! บรรดาอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน เพราะไขมันเหล่านั้นจะไปสะสมอยู่บริเวณต้นขาด้วยทำให้ต้นขาใหญ่ไปโดยปริยาย ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันไปสะสมอยู่ที่ต้นขามากๆ ให้เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ คุณรู้อยู่แล้วล่ะน่าว่าอาหารอะไรบ้างที่ให้คุณต่อสุขภาพของคุณ 

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กินอาหารตามธาตุเพื่อสุขภาพที่ดี



การกินอาหารตามธาตุ คือ

แนวคิดกินตามธาตุมาจากทฤษฎีการแพทย์แผนไทยที่เชื่อว่า คนเราเกิดมาในร่างกายที่ประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ แต่จะมีเพียง 1 ธาตุที่แสดงลักษณะเด่นประจำตัว เรียกว่า "ธาตุเจ้าเรือน" ซึ่งมี 2 ลักษณะ คือ ธาตุเจ้าเรือนเกิดที่เป็นไปตามวันเดือนปีเกิด และธาตุเจ้าเรือนปัจจุบันที่สังเกตจากบุคลิกลักษณะ อุปนิสัย กับปัญหาสุขภาพกายกับใจของแต่ละคน หากธาตุทั้ง 4 ในร่างกายมีความสมดุลจะไม่เจ็บป่วยบ่อย แต่หากขาดความสมดุลก็มักจะเจ็บป่วยได้ง่าย และเพื่อป้องกันปัญหาโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นได้เราจึงควรปรับพฤติกรรมการกินโดยใช้รสชาติต่างๆ ของอาหารประจำธาตุ ถ้าพิจารณาในแต่ละธาตุจะพบว่ามีการกินที่แตกต่างกันเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพที่ไม่เหมือนกัน

- ธาตุดิน
มักจะเสี่ยงต่อโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน อาการปวดตามข้อ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคเกี่ยวกับระบบน้ำย่อย ควรกินอาหารรสฝาดเพื่อช่วยสมานปิดธาตุ (แต่ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะทำให้ฝืดคอ ท้องอืด และท้องผูก) อาหารรสหวาน เพราะมีสรรพคุณซึมซาบตามเนื้อ ทำให้ชุ่มชื่นบำรุงกำลัง (ไม่ควรกินมากเกินเพราะจะทำให้ง่วงนอนและเกียจคร้าน) อาหารรสมันเพื่อแก้เส้นเอ็นพิการ ปวดเสียว ขัดยอก และกระตุก และอาหารรสเค็ม เพราะมีสรรพคุณซึมซาบไปตามเนื้อ ช่วยการดูดซึมอาหาร ป้องกันการเสื่อมของเส้นเอ็นและกระดูก นอกจากนี้ควรกินอาหารประเภทแป้งขาวให้น้อย เพราะร่างกายจะเผาผลาญได้ไม่หมด และควรออกกำลังเป็นประจำ

- ธาตุน้ำ
มักมีปัญหาเสมหะเป็นพิษจึงควรกินอาหารรสเปรี้ยวเพื่อกัดฟอกเสมหะ ส่วนปัญหาสุขภาพอื่นๆ เหมือนธาตุดิน (เนื่องจากเป็นธาตุที่เอื้อกัน) เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ระบบทางเดินหายใจ และโรคอ้วน ในกรณีที่ธาตุน้ำมากจะมีเสมหะและน้ำมูกคล้ายจะเป็นหวัด เพราะร่างกายต้องการขับน้ำออกมาในช่วงอายุแรกเกิดถึง 16 ปี มักจะมีอาการเป็นหวัด คัดจมูก ตาแฉะ ในฤดูหนาวจะเจ็บป่วยง่ายเพราะธาตุน้ำกำเริบจึงควรกินอาหารประเภทแป้งขาวให้น้อยเช่นกัน

- ธาตุลม
ปัญหาด้านสุขภาพของคนธาตุเจ้าเรือนนี้คือ นอนไม่ค่อยหลับ ปวดท้อง จุกเสียด ระบบภายในมีความเป็นกรดมากและระบบย่อยอาหารไม่ดี เนื่องจากลักษณะนิสัยที่กินไม่ตรงเวลา บางรายอาจมีปัญหาโรคข้อและกระดูกควรกินอาหารรสเผ็ดร้อนเพื่อแก้ลมจุกเสียดและช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น แต่ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียได้ ในช่วงอายุ 32 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืดเป็นลมง่าย ในฤดูฝนจะเจ็บป่วยง่ายเพราะธาตุลมกำเริบควรกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ให้น้อยเพราะระบบการย่อยไม่แข็งแรง

- ธาตุไฟ
ปัญหาสุขภาพ คือ เครียดง่าย โรคกระเพาะอาหาร ผิวหนังแพ้ง่าย ท้องเสียบ่อย ร้อนใน เป็นฝี และมีแผลในปาก ในช่วงอายุ 16-32 ปี มักจะหงุดหงิดง่าย และอารมณ์เสียบ่อย ในฤดูร้อนจะเจ็บป่วยบ่อยอาจเป็นไข้ตัวร้อนได้ง่ายเพราะธาตุไฟกำเริบ ควรกินอาหารรสขมแก้โลหิตเป็นพิษ (หากกินมากไปจะทำให้อ่อนเพลีย) และอาหารรสเย็นเพื่อแก้ไข้ ร้อนใน ไข้พิษ และดับพิษร้อน และควรกินอาหารจำพวกไขมันให้น้อย แม้ว่าร่างกายจะเผาผลาญเนื้อสัตว์ได้ดี แต่หากกินไขมันที่ย่อยยากจะทำให้มีความร้อนในร่างกายมากเกินไปจนป่วยไข้ได้

- ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิดในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน และ ธันวาคม
- ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิดเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน 
- ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิดเดือนเมษายน พฤษภาคม และมิถุนายน 
- ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม กุมภาพันธุ์ และมีนาคม


ขอขอบคุณข้อมูลวิธีการดูแลสุขภาพจาก ชีวจิต

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขาเรียบเนียนหรอ!!!ง่ายๆ


ขาเรียบเนียนทันใจ ทำได้ด้วย..?

แต่เคยไหมคะที่เวลาหยิบกระโปรงหรือกางเกงขาสั้นมาใส่ พอมองตัวเองในกระจกแล้ว ก็ต้องพบว่าเรียวขาของคุณนั้นดูไม่เนียนเอาซะเลย แต่ก็ขี้เกียจจะจัดการกับมัน จนคุณต้องเปลี่ยนเอากางเกงขายาวมาใส่แทน โดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วนที่คุณต้องรีบไปให้ทันตามนัด การกำจัดขนขาเห็นจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวายซะจริงๆ ค่ะ

ขั้นที่หนึ่ง

โกน ถ้าหากคุณไม่อยากออกไปแว๊กซ์ขนตามร้านเสริมสวย หรือไม่มีเวลามากนัก ให้คุณโกนขนขาเพื่อให้เรียวขาคุณดูเนียนขึ้น

ขั้นที่สอง

ใช้ออยล์หรือโลชั่นทาบริเวณเรียวขาหลังการโกน แต่การใช้ออยล์จะดีกว่าค่ะ เพราะจะทำให้เรียวขาคุณดูสว่างใสขึ้น ขณะเดียวกันก็ดูชุ่มชื้นนุ่มนวล ดูสุขภาพดีมากขึ้นด้วย

ขั้นที่สาม

ใช้แป้งที่มีกลิตเตอร์ปัดทับลงไปให้ทั่วเรียวขา โดยเน้นบริเวณหน้าแข้ง และหัวเข่า เพื่อเพิ่มความสว่างใสมากขึ้น


ขั้นที่สี่

อาจใช้รองพื้นแต้มบริเวณที่มีรอยแผลเป็นหรือรอยช้ำ เพื่อให้รอยแผลเป็นหรือรอยช้ำบนเรียวขาคุณดูนุ่มขึ้น เสร็จแล้วปัดกลิตเตอร์อีกครั้ง


ฟังเพลงทำให้ผอมได้นะจ๊ะ


ฟังเพลงทำให้ผอม ได้นะจ๊ะ

แน่นอนว่า การออกกำลังกายที่เพียงพอจะช่วยในการลดน้ำหนัก แต่จากผลการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ โดยมหาวิทยาลัยแฟร์ลีห์ ดิกกินสัน ในเมืองทีเน็ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐฯ พบว่า คนอ้วนที่ลดน้ำหนักด้วยการเดินอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ภายในระยะเวลาหกเดือน จะสามารถลดน้ำหนักลงได้ราว 4 กก. และลดไขมันในร่างกายลงได้ราว 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากเดินไปด้วยฟังเพลงไปด้วย ผลนี้จะเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว โดยสามารถลดน้ำหนักลงได้โดยเฉลี่ยถึง 8 กก. และไขมันในร่างกาย 4 เปอร์เซ็นต์ อาจเป็นเพราะกลุ่มหลังจะอินกับการออกกำลังกายได้ง่ายกว่า และนานกว่า "การออกกำลังกายกับเพลงที่ชอบ ทำให้เราลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการออกกำลังกายได้" หัวหน้าทีมวิจัย บอกเช่นนั้น

ขอขอบคุณข้อมูลวิธีลดความอ้วนจาก woman's

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

คิ้วหนาเทรนด์ 2013


คิ้วหนาเทรนด์ร้อนปี2013 

เทรนด์คิ้วมาแรงแห่งปีตอนนี้ ต้องคิ้วหนาได้รูป เรียงเส้น ดูเป็นธรรมชาตินี่แหละอินสุดๆ ดูได้จากแคทวอล์ค เหล่าดารานางแบบ เซเล็บ ที่พากันแต่งคิ้วเข้ม ดูโดดเด่น เน้นใบหน้าให้ชวนมอง ใครอยากมีคิ้วหนาได้รูป เรียงเส้น เป็นธรรมชาติ ไม่ตกเทรนด์ วันนี้Immie2shopมีมาแชร์จ้า


เทคนิคคิ้วหนาได้รูป เรียงเส้น เป็นธรรมชาติ

1. แต่งคิ้วให้ได้รูป โดยที่หัวคิ้วไปจนถึงกลางคิ้วมีขนาดความหนาใกล้เคียงกัน และค่อยแต่งให้เรียวเป็นเส้นโค้งเล็กลงตอนปลาย โดยเน้นให้ดูหนาเป็นธรรมชาติมากที่สุด
2. ตกแต่งคิ้วด้วยโทนสีธรรมชาติ หรือเข้มกว่าปกติแค่ 1 ระดับ
3. เลือกสีให้เข้ากับสีผม เพื่อจะได้ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา
4. ปัดเจลให้เห็นการเรียงตัวของเส้นคิ้วตามธรรมชาติ