วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

8 พฤติกรรมที่ทำให้คุณดูแก่ขึ้น





เลี่ยงซะ! พฤติกรรมที่ทำให้คุณดูแก่ขึ้น 


สาว ๆ ที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับคำว่า "แก่" ต้องฟังทางนี้โดยด่วน นั่นเพราะหากคุณเผลอทำพฤติกรรมที่เรานำมาบอกต่อไปนี้ ความแก่อาจกำลังมาเยือนคุณอย่างไม่รู้ตัวเชียวล่ะ




1.นอนดึก

รู้หรอกน่าว่าสาว ๆ เวิร์กกิ้งวูแมนมีงานยุ่งเต็มไม้เต็มมือไปหมด จนใช้เวลาช่วงเย็นจนถึงกลางคืนหมดไปอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้สึกตัวว่าต้องนอนได้แล้วก็ดึกเสียแล้ว แต่รู้ไหมว่า การนอนดึกซึ่งจะทำให้ชั่วโมงการนอนของคุณสาว ๆ น้อยลงนั้นไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เพราะมีงานวิจัยระบุว่า การนอนดึกนอกจากจะมีผลต่อความดันโลหิต น้ำหนักตัว และโรคเบาหวานแล้ว ยังทำให้คุณดูแก่ขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้บอกให้คุณต้องนอนวันละ 8 ชั่วโมง ที่ใคร ๆ ต่างก็แนะนำว่าดีต่อร่างกายที่สุดหรอกนะ เพราะจำนวนชั่วโมงการนอนที่เหมาะสมของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ถ้าอยากทราบว่า ร่างกายของเราต้องการนอนมากแค่ไหน ก็ลองปิดนาฬิกาปลุกในวันที่เหนื่อยมาก ๆ และกำลังต้องการการพักผ่อนอย่างสุด ๆ แล้วนอนซะ ตื่นเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น จะได้รู้ว่าธรรมชาติของร่างกายของเราต้องการการนอนมากแค่ไหน ซึ่งโดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ต้องการการนอนหลับพักผ่อนราว 7-8 ชั่วโมง


2. น้ำตาลทำพิษ

สาว ๆ กับความหวานอาจจะเป็นของคู่กัน แต่ "น้ำตาล" ที่ทำให้เกิดความหวานนั่นแหละค่ะ คือศัตรูตัวสำคัญของผิวสวยของคุณ เพราะมันจะทำให้ผิวพรรณดูหม่นหมอง และเหี่ยวย่นเอาได้ง่าย ๆ เพราะมันจะไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินซึ่งคงความกระชับให้ผิวพรรณนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว คุณก็ควรจำกัดการทานน้ำตาล โดยไม่ควรทานให้มากเกิน 10% ของแคลอรีที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน ซึ่งน้ำตาลที่ว่าอาจจะเป็นน้ำตาลที่แฝงอยู่ในขนม เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่คุณอาจคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ

3.เครียดไปก็แก่ไว

งานที่กองสุมหัว แถมปัญหาส่วนตัวก็ยังแก้ไขไม่เสร็จ ย่อมนำความเครียดมาสู่คุณสาว ๆ อย่างแน่นอน แต่หากความเครียดเกิดขึ้นเมื่อใด ฮอร์โมนคอร์ติซอลและนอร์เอพิเนฟรินในกระแสเลือดจะเพิ่มสูงขึ้นจนไปกดภูมิคุ้มกัน และยังไปกระทบสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความจำ และอารมณ์ ของคุณอีกต่างหาก

4.ฟังเพลงเสียงดัง

เสียงที่ดังเกินไปจากไอพอดที่คุณฟังทุก ๆ วัน ย่อมส่งผลกระทบต่อประสาทหูของคุณอย่างแน่นอน โดยเพียงแค่คุณเปิดเสียงที่ระดับ 50% ความดังของเสียงก็พุ่งถึง 101 เดซิเบลแล้ว แน่นอนว่าใครที่ชอบฟังเสียงดัง ๆ แบบเต็มสตรีม อาการหูดับคงจะถามหาอย่างไม่ต้องสงสัย ทีนี้ ใครพูดอะไรทีก็ต้องเงี่ยหูฟัง หรือให้เขาพูดดัง ๆ อีกหลายรอบ กลายเป็นคนหูตึงเหมือนคนแก่เลยนะตัวเธอ


5.ไม่ได้เจอเพื่อนเสียนาน

มีผลการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่า การมีความสุข และความพึงพอใจในมิตรภาพระหว่างเพื่อนสามารถทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น เพราะความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนจะส่งผลต่อจิตใจ ช่วยให้คุณไม่หดหู่ ซึมเศร้า ลดโอกาสเสี่ยงของโรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากมาย เพราะฉะนั้น ใครที่ไม่ได้เจอะเจอหน้าเพื่อนเก่ามานานแล้ว โทรไปชวนเพื่อน ๆ มาจอยกันดีกว่า

6.ไม่ปลื้มผักผลไม้เอาเสียเลย

"ผักผลไม้" ช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ เพราะผักผลไม้มีพลังต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของผิว และร่างกายของคุณ อันจะทำให้คุณดูแก่ขึ้น แถมเจ้าสารอนุมูลอิสระนี้ยังมีส่วนทำลายเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้คุณเป็นโรคมะเร็งได้อีกต่างหาก เพราะฉะนั้นจงกินผักเสียดี ๆ คุณสาว ๆ ทั้งหลาย


7.หลีกหนีไขมัน (ตัวดี)

หลายคนเข้าใจว่า "ไขมัน" คือศัตรูที่ร้ายที่สุดของการลดความอ้วน แต่จริง ๆ แล้ว "ไขมัน" ดีที่มีประโยชน์ก็มีอยู่มาก เช่น ไขมันจากปลา ถั่ว และน้ำมันมะกอก ล้วนเป็นไขมันดีและเป็นไขมันที่จำเป็นต่อสมอง หัวใจ กระดูกและข้อต่อต่าง ๆ แถมยังช่วยลดไขมันเลว หรือ LDL คอเลสเตอรอลได้อีกด้วย

8.จำไม่ได้ว่ามีเซ็กส์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

สำหรับสาว ๆ ที่แต่งงานแล้ว ฟังทางนี้ เพราะงานวิจัยพบว่า เซ็กส์ สามารถช่วยให้อายุยืนยาวขึ้นได้ เนื่องจากมันจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น ช่วยลดความเจ็บปวด ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง ลดความเครียด แถมยังช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญ ยังทำให้คุณดูเด็กลงได้ถึง 12 ปีเลยเชียวนะ

ได้อ่านทั้ง 8 ข้อแล้ว ใครที่เคยทำข้อไหน ลองนำไปปรับปรุงกันดูนะจ๊ะ ไม่งั้นถ้ามีเด็ก ๆ มาทักว่า "ป้า" จะหาว่าหยาบคายไม่ได้นะ

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รักษารอยแผลเป็นจากสิว


รักษารอยแผลเป็นจากสิว
วันนี้เรามีสูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิว เพราะเรารู้ดีว่ารอยแผลเป็นจากสิวใครมีก็ไม่อยากเห็น ใครเห็นก็ไม่อยากมีจริงไหมค่ะ ฉะนั้นคุณคงจะได้ไม่ต้องเห็นรอยแผลเป็นจากสิวของคุณอีกต่อไปก็คราวนี้ เมื่อนคุณมาเจอกับ สูตร! รักษารอยแผลเป็นจากสิว ของเราในวันนี้ซึ่งมาจากสารสกัดจากธรรมชาติอีกด้วย และจะช่วยให้คุณผู้หญิงได้ รักษารอยแผลเป็นจากสิว ได้อย่างอ่อนโยนและเป็นสูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิวแบบธรรมชาติที่ง่ายๆ อีกด้วยค่ะ พูดมาขนาดนี้ไม่ลองคงจะไม่รู้แต่ถ้าอยากรู้คงต้องลอง การรักษารอยแผลเป็นจากสิว ไม่ใช่เรื่องยากหากแต่รู้จักวิธีที่ถูกต้องในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวเท่านั้น ขอเพิ่มเติมอีกนิดหากว่าคุณใช้สูตรรักษารอยแผลเป็นจากสิวสูตรนี้ควบคู่ไปกับครีมหรือการรักษาต่างๆ ด้วยล่ะก็จะยิ่งได้ผลมากยิ่งขึ้นค่ะ

 6 สูตร รักษารอยแผลเป็นจากสิว

1.
น้ำสะอาด นอกจากจะใช้ล้างหน้าให้สะอาดป้องกันสิวชุดถัดไปแล้ว การดื่มน้ำเยอะๆ ก็ช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวหายได้เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย ถ้าหากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะแล้วก็จะสามารถไปเติมเต็มและซ่อมแซมร่องรอยแผลเป็นต่างๆ ได้

2.
น้ำมะนาว บีบน้ำมะนาวสัก 1-2 หยด แต้มลงบริเวณที่เป็นสิวด้วยคอตตอนบัด จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก มะนาวจะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกออกมาจากบริเวณจุดด่างดำได้ แต่ถ้าใครผิวไม่แพ้ง่ายล่ะก็สามารถแต้มสิวทิ้งไว้ทั้งคืนเลยค่ะ

3.
มะเขือเทศ ฝานมะเขือเทศเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำมาวางบริเวณที่เป็นแผลเป็นวิตามินซีจากมะเขือเทศจะช่วยสมานรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดี

4.
สูตรพอกหน้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสูตรมะนาวน้ำผึ้ง น้ำนมโยเกิร์ต หรือผลไม้ต่างๆ ก็แล้วแต่ ขอให้คุณพอกหน้าเป็นประจำคุณค่าจากธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาเรื่องผิวทุกชนิดเลยล่ะค่ะ

5.
น้ำผึ้ง นำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที น้ำผึ้งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในผิวและทำให้ผิวดูนวลเนียนขึ้น

6. น้ำมันลาเวนเดอร์ ใช้น้ำมันลาเวนเดอร์แต้มบนแผลเป็นจากสิววันละ 2 ครั้ง ทุกวันจะช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวจางลงได้ค่ะ
เพื่อนๆคนไหนที่กำลังรักษาแผลเป็นจากสิวอยู่ ลองนำไปใช้ซักวิธีดูนะคะ รับรองว่าได้ผล ผิวกลับมาสวยเหมือนเดิมอย่างแน่นอนค่ะ

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รู้มั้ยว่า...การนอนสำคัญแค่ไหน



รู้มั้ยว่า...การนอนสำคัญแค่ไหน




alt ระหว่างที่เรานอนหลับนั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายได้ขจัดของเสียออกจากเซลล์ มีการสร้างโปรตีนใหม่ๆ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีการหลั่งฮอร์โมนที่สำคัญต่อร่างกายคือโกรทฮอร์โมน ธัยรอยด์ฮอร์โมนและเมลาโทนิน

เราควรหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมได้เช่น ความก้าวร้าว ซึมเศร้า การนอนน้อยมีผลต่อความจำ


มีการวิจัยพบว่าการนอนน้อยอาจนำไปสู่โรคอ้วนได้ พบว่าในเด็กมัธยมที่นอนน้อยจะกินบ่อยและกินจุบกินจิบกว่าในเด็กที่ได้นอนเต็มอิ่ม เพราะการนอนน้อยทำให้ระดับฮอร์โมนที่ชื่อเลปตินลดลง ซึ่งเลปตินเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากรับประทานอาหาร โดยเป็นตัวส่งสัญญาณไปยังสมองว่าอิ่มแล้ว

ผู้ที่นอนไม่หลับก็พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับเพราะทำให้สมองเสื่อมได้ ลองใช้วิธีต่างๆ เหล่านี้ดูนะคะ เช่น การออกไปรับแสงแดดยามเช้าสัก 30 นาทีทุกวัน การปรับแสงในห้องนอนให้มืดเพราะจะทำให้ฮอร์โมนที่ชื่อเมลาโทนินหลั่งออกมา ทำให้รู้สึกอยากนอน ปรับอุณหภูมิในห้องนอนให้เย็นหน่อย อย่าให้มีเสียงรบกวนในห้องนอน หลีกเลี่ยงเรื่องเครียดก่อนนอน งดเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และโทรศัพท์มือถือให้ปิดเสียหรืออย่าวางไว้ใกล้ตัว รวมทั้งอย่ารับประทานอาหารใกล้เวลานอนเพราะจะทำให้อาหารไม่ย่อยและทำให้ท้องอืด รบกวนการนอน


ข้อมูลจาก แพทย์หญิง ขวัญทิชา วงศ์วิชิตกุล






วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เคล็ดลับ หุ่นเฟิร์ม



เคล็ดลับ หุ่นเฟิร์ม กระชับทุกสัดส่วน

วันนี้เราจะมาเผยเคล็ดลับหุ่นเฟิร์มกระชับทุกสัดส่วนและ ที่สำคัญนะค่ะไม่ใช่คุณจะมี หุ่นเฟิร์ม กระชับทุกสัดส่วนเท่านั้นนะ แต่เคล็ดลับ หุ่นเฟิร์ม นี้ยังเป็นวิธีที่ง่าย ๆ อีกด้วยค่ะ เพียงแค่คุณใช้เวลาตอนอยู่หน้าทีวีก็ยังได้เลยค่ะ ลองหันมาหุ่นเฟิร์มกันตอนอยู่หน้าทีวีนอกจากจะได้หุ่นเฟิร์มกระชับทุกสัด ส่วนยังได้ลดน้ำหนักแถมหุ่นยังดีอีกต่างหากใครไม่ทำเป็นไม่ได้เลยจริงไหมค่ะ กับเคล็ดลับนี้
ดีกว่าจะมัวมานั่งดูทีวีแบบเฉย ๆ และหยิบนั่นกินนี่อย่างนี้มีแต่อ้วนออกอ้วนออกนะค่ะ รองใช้เคล็ดลับ หุ่นเฟิร์ม กระชับทุกสัดส่วนนี้ดูค่ะนอกจากคุณจะเพลินไปกับการดูทีวีแล้วยังได้ออกกำลัง กายอย่างสนุกสนานและเพลินไปพร้อม ๆ กับการดูทีวีอีกต่างหากค่ะ

 หุ่นเฟิร์ม กระชับทุกสัดส่วน

 วิธีลดแขน ในท่ายืน ก้มตัวลง วางมือข้างหนึ่งลงบนเก้าอี้ ถือขวดน้ำหรือดัมเบลเอาไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง งอข้อศอกทำมุม 90 องศา จากนั้นยืดแขนข้างที่ถือขวดน้ำขึ้นไปข้างหลังตรง ๆ หยุด แล้วกลับสู่ท่าเริ่ม ทำซ้ำข้างละสองเซ็ต เซ็ตละ 15 ครั้ง

 วิธีลดก้น คุกเข่า จากนั้น ก้มตัวลงเท้าข้อศอกลงบนพื้น ศีรษะก้มลงเกือบแตะพื้น เตะขาข้างหนึ่งขึ้นไปข้างหลังสูง ๆ จากนั้นลดขาลง ทำซ้ำ 20 ครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนข้าง

 วิธีลดหน้าท้อง นอนหงายวางแขนไขว้กันไว้ใต้ศีรษะชันเข่าขึ้นทั้งสองข้างเท้าวางราบกับ พื้น จากนั้นค่อย ๆ ยกศีรษะและอกขึ้นจากพื้นพร้อมกับเหยียดขาข้างหนึ่งขึ้นข้างบนค้างไว้ครู่ หนึ่งก่อนกลับสู่ท่าเริ่ม จากนั้นทำซ้ำแต่เปลี่ยนเป็นยกขาอีกข้างหนึ่งพยายามยกขาแต่ละข้างให้ได้ 6 ครั้ง และค่อย ๆ เพิ่มเป็น 10 ครั้ง

เคล็ดลับป้องกันริ้วรอยรอบดวงตา


เคล็บลับดูแลผิวรอบดวงตาสำหรับผู้หญิงวัย 30+

เมื่อพูดถึงผิวรอบดวงตา เป็นผิวที่ละเอียดอ่อนกว่าผิวส่วนอื่นบนใบหน้าถึง 3 เท่า และมักเป็นส่วนที่เกิดปัญหาริ้วรอยได้มากที่สุด และด้วยอายุที่มากขึ้น ส่งผลให้ผิวรอบดวงตาเปราะบาง ประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิวตามธรรมชาติชะลอลงดังนั้นวัยจึงส่งผลให้ผู้หญิงในวัย 30 ปีขึ้นไปมีข้อกังวลกับ 4 สัญญาณสำคัญของปัญหาที่เกิดกับผิวรอบดวงตา ได้แก่ ริ้วรอยบนผิวพับเปลือกตา ผิวใต้ตาที่ไม่กระชับ เส้นริ้วบริเวณหางตา และเส้นริ้วรอยใต้ตา วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับเพื่อช่วยดูแล และลดเลือน 4 สัญญาณสำคัญแห่งริ้วรอยรอบดวงตาที่นำไปปฏิบัติง่าย ๆ ด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ


1. การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลาย ๆ คนมองข้ามไป เพราะการมีสุขภาพที่แข็งแรงจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และเกราะกำบังให้แก่เซลล์ผิว เพื่อต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม ดังนั้นอาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใสที่ควรใส่ใจมีดังนี้

- บริโภคผักผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (anti oxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผลบิลเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้ พร้อมทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืดและมีความไวในที่มีแสงน้อย ๆ ดีกว่า

- บริโภคผัก ผลไม้ ที่มีสารลูทีน (Lutien) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งมีสีเหลือง ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ที่เลนส์ตาและจอรับภาพของตา ทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายดวงตา และกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา ซึ่งพบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอโวคาโด บล็อกโคลี่ ข้าวโพด ฝักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง

- บริโภคสารสกัดของโอเมก้า 3 หรือ รับประทานปลาชนิดต่าง ๆ


2. เปลือกตาก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องโดนกระหน่ำกับเมกอัพหลากชนิดแทบทุกวัน ฉะนั้นจึงลืมไม่ได้ที่จะถนอมเปลือกตาด้วยการชำระล้างเมกอัพและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ให้เกลี้ยงก่อนเข้านอน ด้วยการแปะสำลีชุ่มอายเมกอัพรีมูฟเวอร์เพื่อให้อายเมกอัพละลายก่อน โดยค่อยๆ เช็ดซ้ำเบา ๆ จนเกลี้ยง จากนั้นอาจใช้คอตตอนบัดชุบอายเมกอัพรีมูฟเวอร์แล้วเช็ดตามขอบตาและซอกมุมเล็ก ๆ ให้สะอาดหมดจดยิ่งขึ้น


3. เริ่มฝึกนิสัยพักสายตาโดยการมองออกไปไกลๆ ทุก ๆ 10 -15 นาที ก็จะเป็นการช่วยพักการทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตาได้อย่างดี
นอกจากนี้ การกดจุดก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราสามารถทำได้ เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแรง ออกกำลังกายกล้ามเนื้อตา เพื่อลดปัญหาริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่น ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

- ล้างทำความสะอาดรอบดวงตาให้เรียบร้อย

- ทาอายครีมที่คุณใช้อยู่ให้ทั่วผิวรอบดวงตา โดยใช้นิ้วกลางในการกดจุดเบา ๆ นับ 1 – 7 ค้างไว้ ก่อนเปลี่ยนจุด (ทำพร้อมกันทั้งสองข้าง) เริ่มจากใต้หัวตาลงมาประมาณ 1 ซม. กึ่งกลางตา (ใต้ตา หางจากดวงตาประมาณ 1 ซม.) และปลายตา (ห่างจากดวงตาประมาณ 1 ซม.)

- หลับตา ใช้ปลายนิ้วชี้หรือนิ้วก้อยวางประกบไปบนเปลือกตา กดเบา ๆ นับ 1 – 7 ค้างไว้แล้วจึงผ่อนน้ำหนักออกแล้วค่อย ๆ ลืมตา


ใครอยากมีผิวใต้ตาที่กระชับ ไร้ริ้วรอยบริเวณหางตา และใต้ตา ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปลองปฏิบัติกันดูนะคะ รับรองว่าสวยใสไม่แก่ก่อนวัยแน่นอนค่ะ

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

10 เทคนิคหุ่นผอมสวย




ผอมไว้ได้ด้วย 10 เทคนิค (ไม่) ลับ 

ข้าวปลาอาหารที่อุดมสมบูรณ์ในบ้านเราอาจทำให้เราเผลอกินมากไป แต่สำหรับคนที่กำลังไดเอ็ต คุณอาจตามใจตัวเองได้บ้างด้วยเคล็ดลับเล็ก ๆ แต่มีทีเด็ดเหล่านี้ที่จะช่วยให้คุณฟิตหุ่นให้เข้าที่ได้เร็วขึ้น




1.ดื่มน้ำครึ่งลิตร
ในระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟหรือรถประจำทาง ภายใน 90 นาที ร่างกายคุณจะเกิดพลังงานและเผาผลาญได้เร็วขึ้นอีก 30 เปอร์เซ็นต์

2.กระโดดเชือก
มีผลการศึกษาออกมาแล้วว่า การกระโดดเชือกนาน 5 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพียงเท่านี้ก็สามารถกำจัดไขมันไปได้กว่าหนึ่งกิโลกรัม

3.ดื่มเอสเปรสโซหลังอาหาร
กาแฟรสขมเข้มข้น ดื่มเพียงแก้วเล็ก ๆ โดยไม่ใส่น้ำตาลหลังกินอาหารเสร็จ จะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นตัวกระตุ้นระบบเผาผลาญอย่างดีเลย

4.กินเกรปฟรุตทุกวัน
มีผลการวิจัยพบว่า กินเกรปฟรุตวันละครึ่งลูก ช่วยลดน้ำตาลในร่างกายลงได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์

5.เลือกองุ่นแทนมันฝรั่งทอด
องุ่นแดงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสุด ๆ สำหรับทุกคนที่ชอบมันฝรั่งทอดและลูกกวาด เปลี่ยนมากินองุ่นแทนดีกว่า เพราะน้ำตาลในองุ่นนั้นช่วยลดความหิวได้

6.กดนิ้วสกัดกั้นความหิว
ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาที่คุณหิว แค่กดนิ้วกลางลงกับนิ้วหัวแม่มือแรง ๆ อย่างสั้น ๆ 3 ครั้ง มีส่วนช่วยดับความหิวที่เกิดขึ้นได้

7.ยิ้มไล่ไขมัน
รู้ไหมว่าเมื่อคนเราฉีกยิ้มกว้าง ๆ ร่างกายจะผลิตเจ้าฮอร์โมนที่ชื่อเซโรโทนิน และโดพามีน ที่ทำให้เรามีความสุข และสร้างกลไกผลักดันให้ร่างกายลดการก่อตัวของไขมัน แบบนี้แล้วเมื่อยามที่คุณแฮปปี้ ให้ขยับมุมปากยิ้มกว้าง ๆ อวดฟันสวยกันเลย

8.เคี้ยวหมากฝรั่ง
เป็นทริกที่ได้ยินกันบ่อย ๆ เลือกหมากฝรั่งแบบโลว์ชูการ์ก็ได้ มันช่วยเพิ่มการเปลี่ยนแปลงสารในร่างกายได้ 19 เปอร์เซ็นต์ และนั่นหมายความว่า มันอาจช่วยให้น้ำหนักลดลงไปได้หนึ่งปอนด์ในช่วงเวลาเพียงเดือนเดียว

9.อัลมอนด์ และเมล็ดดอกทานตะวัน
เป็นของขบเคี้ยวที่อุดมด้วยธาตุเหล็กที่ไม่เพียงช่วยแก้หิวได้ดี แต่ยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 200 เปอร์เซ็นต์เชียวนะ

10.โปรตีนเชค
โปรตีนชนิดชงเองช่วยให้คุณอิ่มท้อง เติมเต็มมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์ และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญให้น้ำหนักลดลงได้ แต่อย่าชงดื่มจนเกินพอดีล่ะ




วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วิธีแก้ปัญหา ใต้วงแขนดำ



        วิธีแก้ปัญหา ใต้วงแขนดำ

    คุณสาวหลายคนที่มีปํญหารักแร้ดำ วันนี้เรามีสูตรเด็ดเคล็ดลับให้คุณไปทำสวยกันเองที่บ้านได้เลย                      ค่ะ มาดูแลรักษาปัญหาใต้วงแขนดำ ที่คุณสามารถหาเวลาว่างๆ ช่วงวันหยุดลองทำได้เลยค่ะ
    - สครับ ขัดเบาๆ ทุกวัน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ทาไวน์เทนนิ่งพอกเอาไว้หนาๆ
- มะขามเปียก ผสมกับนมสด ถูเบาๆ และพอกเอาไว้ที่รักแร้ประมาณ 5-10 นาที ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
- มะนาว ถูรักแร้ เพื่อช่วยให้รักแร้ขาวขึ้นได้
 - เกลือญี่ปุ่น ใช้ขัดเบาๆ
 - หลังจากอาบน้ำเสร็จ ล้างผิวใต้วงแขนให้สะอาด ใช้สำลีชุบน้ำมันมะพร้าวเช็ดบริเวณรักแร้เป็นวงกลม หลังจากนั้นผสมน้ำแตงกวาคั้นสด น้ำมะนาว ผงขมิ้น คนผสมให้เข้ากัน ทาทิ้งเอาไว้ 20 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งผิวใต้วงแขนที่คล้ำจะค่อยๆ จางลง
- รักษาตามวิธีทางแพทย์ ด้วยการเลเซอร์ วิธีนี้อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้แบบเร่งด่วนได้
- หลีกเลี่ยงการถอนหรือแวกซ์ เพราะอาจส่งผลให้เกิดอาการอักเสบและดำได้
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอลล์และสารส้ม เพราะ สารส้ม อาจจะช่วยระงับกลิ่นกายได้แต่ไม่ได้ช่วยให้รักแร้ขาวได้
- ก่อนนอนให้ใช้ครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของไวน์เทนนิ่ง ทาที่รักแร้และพอกด้วยแป้งฝุ่น
- ยาสีฟัน สีขาว พอกไว้ตรงรักแร้ แล้วล้างออก แล้วทาด้วยแป้ง ทุกวัน เดี๋ยวมันจะขาวเอง เราลองแล้ว ขาวจั๊วเลยอะ
เนื้อหาดีดีจาก นิตยสาร womanplus

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กลูต้าไธโอน รับประทานถูกวิธีขาวได้วิ๊ง วิ๊ง


 กลูต้าไธโอน รับประทานถูกวิธีขาวได้วิ๊ง วิ๊ง 

สาว ๆ สมัยนี้ฮิตกันมากกับการทานกลูต้าไธโอน เพื่อให้ตัวเองสวยขาวใส แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าการทานกลูต้าไธโอน ที่ถูกวิธีและให้เกิดประสิทธิภาพนั้นควรทานอย่างไร วันนี้ Womanplus จะไขข้อข้องใจ ก่อนอื่นมารู้จักว่า กลูต้าไธโอน คืออะไร

กลูต้าไธโอน เป็น tripeptides ของกรดอะมิโน 3 ตัว คือ ซิสทีน (cysteine), กรดกลูตามิค (glutamic acid) และไกลซีน (glycine) ซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ และมีในอาหาร เช่น นม ไข่ ผลอะโวคาโด สตรอเบอร์รี มะเขือเทศ ผักบรอคโคลี ส้มเกรปฟรุต และผักโขม หน้าที่หลักของสารตัวนี้ที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ

1. Detoxification : กลูต้าไธโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่าง ๆ ในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathion-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้นและง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับ1 จากการถูกทำลายโดย แอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด (Overdose) ฯลฯ

2. Antioxidant : กลูต้าไธโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ที่มีความสำคัญตัวหนึ่งในร่างกาย และหากขาดไป วิตามินซีและอี อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่

3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย2 โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้กลูตาไธโอน ยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีนและ prostaglandin

หลายคนที่ซื้อกลูต้าไธโอน มาทาน แล้วทานทีละหลาย ๆ เม็ด และมีค่ามิลลิกรัมสูง อาจจะเป็นอันตรายส่งผลกับร่างกายของเรา ดังนั้นสาว ๆ มาทำความเข้าใจกับการทานกลูต้าไธโอน ให้มีประสิทธิภาพกันดีกว่า เพื่อผิวขาวสุขภาพดี วิ๊ง วิ๊ง กันดีกว่าค่ะ

ปริมาณการทานกลูต้าไธโอน ของแต่ละคนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว (ถ้าเป็นสาวรูปร่างใหญ่ก็จะมีเม็ดสีผิวเยอะกว่าสาวรูปร่างเล็ก จึงต้องทานมากกว่าคนรูปร่างเล็ก น้ำหนักมากทานมาก น้ำหนักน้อนทานน้อย นั่นเอง)

ส่วนช่วงที่ทานกลูต้าไธโอนแล้วถูกดูดซึมดีที่สุด ก็คือ ช่วงท้องว่าง เช่น ตอนตื่นนอนใหม่ ๆ อาจจะตอนก่อนนอน หรือก่อน-หลังทานอาหารมากกว่า 30 นาทีขึ้นไปคะ
ไม่ว่าจะเลือกทานกลูต้าไธโอนแบบไหน สิ่งแรกที่สาว ๆ ควรคำนึงคือ ฉลาก อย. ว่าได้รับการรับรองมาแล้วหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ถ้าจะสวยก็ต้องเลือกสวยแบบมีคุณภาพและสุขภาพดีด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประโยชน์น่าทึ่งของวอดก้า




        หนุ่มๆสาวๆคนไหนที่เคยลิ้มลองรสชาติของวอดก้าแล้วเนี่ย คงทราบกันดีเลยว่าดีกรีแรงชวนเมาขนาดไหน แต่คุณรู้มั๊ยคะว่าเจ้าวอดก้าที่ทำเราเมาไปหลายงานนั้น ที่จริงก็มีประโยชน์ไม่แพ้กันเลย ไม่แน่นะคะถ้าหากคุณทราบถึงข้อดีของวอดก้าแล้วเนี่ยคุณอาจจะซื้อติดบ้านไว้ซักขวด2ขวดก็ได้
       
      ช่วยให้ดอกไม้สดนาน  แค่ใส่วอดก้าเพียงหยดเดียว กับน้ำตาลหยิบมือเล็กๆ ผสมลงไปในน้ำที่ใส่แจกันดอกไม้ ก็ช่วยให้ดอกไม้อยู่เพิ่มความสดใสให้บ้านคุณนานขึ้น

      ฉีดไล่แมลงวัน  ถ้าไม่คิดว่าเป็นการลงทุนที่สูงเกินไปล่ะก็ หากคุณนำวอดก้าใส่ขวดสเปรย์แล้วนำไปฉีดพ่น จะเป็นยาไล่แมลงวันและแมลงรบกวนอื่นๆได้

      ช่วยฆ่าวัชพืช  วอดก้าหนึ่งออนซ์ผสมกับน้ำยาล้างจานสองสามหยด และน้ำเปล่า 2 ถ้วย สามารถนำไปฉีดพ่นฆ่าวัชพืชเล็กๆได้

      ล้างพิษสัตว์ทะเล   หากปวดแสบปวดร้อนจากแมงกะพรุน ราดวอดก้าบนแผล จะช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนและผิวบวมแดงได้

      ลบคราบเปื้อน คราบแน่นๆบนเสื้อผ้า  ใช้วอดก้าผสมกับน้ำยาขจัดคราบ แล้วนำไปซักตามปกติ

      น้ำยารีดผ้า   ตวงวอดก้าประมาณ 3 ออนซ์ กับน้ำมันสกัดจากลาเวนเดอร์ 12 หยด ผสมให้เข้ากันทิ้งไว้ 1 วัน แล้วจึงเติมน้ำบริสุทธิ์ 12 ออนช์ เขย่าให้เข้ากัน นำไปใช้ฉีดพรมผ้าก่อนรีด เก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 6 สัปดาห์ก่อนกลิ่นลาเวนเดอร์จะระเหยไป

      ขจัดคราบรา   ใช้วอดก้าพ่นลงบนคราบราที่ต้องการกำจัด ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที แล้วจึงใช้ผ้าเช็ด หรือใช้แปรงปัดคราบราออก

      ช่วยขัดเงา  ไม่ว่าจะเป็นโลหะ เครื่องแก้วหรือดินเผา ถ้าต้องการประกายเงางาม ก็แค่ใช้ผ้าจุ่มลงในวอดก้า นำไปขัดบนวัตถุที่คุณต้องการ ก็จะได้ความเงาวาวชวนว้าวแล้ว

      ลอกคราบเหนียวจากสติ๊กเกอร์  แถบกาวสติ๊กเกอร์เหนียวๆ ที่ติดค้างบนผนังและวัตถุอื่นๆ ใช้ฟองน้ำจุ่มในวอดก้า ขัดคราบเหนียวออก แล้วล้างด้วยน้ำผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย ก็บอกลาคราบกาวได้เลย
       
              ทราบถึงข้อดีมีประโยชน์กันแล้วก็ลองนำไปใช้ซักข้อสองข้อดูนะคะ รับรองว่าคุณต้องชอบวอดก้าขึ้นมาอีกนิดแน่ๆค่ะ ^_^