วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การดูแลผิวหน้าตามช่วงอายุ


การดูแลผิวหน้าตามอายุ
 
  สาว ๆ ต่างวัย ย่อมมีสภาพผิวที่ต่างกัน ซึ่งสภาพผิวที่ต่างกันนั้น   ย่อมหมายถึงการดูแล รักษาที่ต่างกัน
ด้วยเรามาดูกันดูกว่าค่ะว่า ในแต่ละช่วงอายุของสาว ๆ นั้น เราจะดูแลผิวอย่างไร ให้เหมาะกับวัยของคุณ
วัย 20 ปี
            
วัยนี้ธรรมชาติสร้างมาให้เป็นช่วงวัยที่ผิวกำลังเปล่งปลังเต็มที่แต่ก็มีอุปสรรคเล็กน้อยคือ เกิดสิวเนื่องจาก
มีฮอร์โมนเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง วัยนี้ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่อ่อน ๆ ( Mild cleancer ) ที่ผสมสารต้านการเกิด
สิวเล็กน้อย เช่นซาลิไซลิค แอซิค  และที่แน่นอนที่สุดต้องอย่าลืมใช้ครีมป้องกันแสงแดดด้วยเสมอ

วัย 30 ปี 
           
 เป็นช่วงวัยที่เริ่มจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวให้เห็นกัน เช่นผิวบางส่วนก็มัน บางส่วนก็แห้ง จนทำให้
เจ้าตัวสับสนเลือกใช้ครื่องสำอางไม่ถูกต้องกันเลย แพทย์ผิวหนังจึงมัก แนะนำให้ใช้พวกที่ไม่มีส่วนผสม
ของสารใดๆที่เกี่ยวกับการรักษาสิว(noncomedogenic ) และให้เลือกใช้ครีมหรือโลชั่นที่ส่วนผสมของ
สารแอนตี้ออกซิแดนท์เช่น ผสมวิตามิน c วิตามิน E หรือเบต้าแคโรทีน เพื่อช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย
เพราะแสงแดด นอกจากนี้เครื่องสำอาง ที่ใช้ส่วนผสมของทองแดง ชาเขียว หรือผสม สารอาหารที่เสริมสร้าง
คอลลาเจนก็น่าเลือกใช้เช่นกัน

วัย 50 ปี
   
ช่วงวัยนี้ผิวของคุณจะไม่ค่อยยืดหยุ่นและขาดน้ำหล่อเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะขาด คอลลาเจน หลายคนเริ่มมีกระ ฝ้าหรือสีผิวที่เปลี่ยนไปในบางบริเวณ หากมีความเปลี่ยนแปลง มากลองพบหมอ ผิวหนังตรวจสอบดูสักหน่อย
เพราะคนวัยนี้ภูมิต้านทานลดลงความแข็งแรง ของผิวลดลงได้สัมผัส กับมลพิษมาตลอดชีวิตจึงอาจเป็น
ช่วงที่เป็นโรคทางผิวหนังต่าง ๆ ได้ง่าย เช่นผิวหนังอักเสบ มะเร็งผิวหนัง เชื้อราบนผิวหนัง เป็นต้น
เครื่องสำอางที่เลือกใช้ ควรเป็นประเภท ที่มีสารบำรุงคอลลาเจน และตามที่คุณหมอแนะนำ



จะเห็นได้ว่าในแต่ละวัยนั้นควรเลือกใช้เครื่องประทินผิวที่มีสารบำรุงต่างกัน   คนอายุยังน้อยไม่ถึง 30 ปีอย่าใจร้อนที่จะไปเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารเข้มข้น ลดริ้วรอยมาปรนเปรอผิว โดยไม่จำเป็น เพราะอย่างน้อยหากคุณเป็น คนใส่ใจตัวเอง ทั้งเรื่องการพักผ่อน ออกกำลัง อาหารที่เป็นประโยชน์
รู้จักละซึ่งความเครียดความโกรธ ผิวก็สามารถฟื้นตัว และแข็งแรงขึ้นได้เอง ตามธรรมชาติอยู่แล้วค่ะ..

ขอขอบคุณข้อมูลจาก:centerwedding.com

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ผิวเสียหายจากแสงแดด ซ่อมได้


ผิวสวย



ผิวเสียหายจากแสงแดด...ซ่อมได้! (Lisa)

          เดือนร้อนที่สุดกำลังจะผ่านไป แต่ความเสียหายจากแสงแดดที่ส่งผลต่อผิวสวย ๆ ของเรานี่สิ ที่ไม่อาจผ่านไม่ได้ง่าย ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางจัดการกับมัน ก็สาว Lisa ซะอย่าง !

       แสงแดดทำให้ผิวเสียได้อย่างไร

          เมื่อผิวของคุณดูดซับรังสียูวีเข้าไป ความเสียหายจากแสงแดดไม่ได้อยู่แค่เพียงผิว ๆ รังสียูวี เปลี่ยนแปลงโครงสร้างดีเอ็นเอของเซลล์ผิวคุณได้จริง ๆ และเซลล์ที่ผิดปกติจะทำงานอย่างไม่เหมาะสม ผลอย่างหนึ่งก็คือทำให้การผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน (ที่ทำให้ผิวอวบอิ่มและสุขภาพดี) ลดลง ทำให้ผิวชั้นบนบางลง และชะลอความสามารถตามธรรมชาติของผิวในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่มขึ้น 

          ในกรณีที่แย่ที่สุดก็คือ เซลล์ที่ทำงานผิดปกติเหล่านี้สามารถกลายเป็นมะเร็งได้ "มันมีมิเตอร์ในผิวของคุณ ทุกนาทีที่คุณอยู่กลางแดด ร่างกายของคุณจะบันทึกเอาไว้" นพ.นีล ชูลซ์ แพทย์ผิวหนังในนิวยอร์กซิตี้ และเจ้าของเว็บไซต์ DermTV.com บอก "แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มปกป้องผิวจากแสงแดด คุณจะหยุดกระบวนการความเสียหายที่จะเพิ่มขึ้น และเริ่มต้นแก้ไขความเสียหายที่สะสมมาได้ในระดับหนึ่ง"

       คุณทำอะไรได้บ้างในการแก้ไขความเสียหาย

          มีผลิตภัณฑ์หลายประเภทและกระบวนการหลายอย่างที่คุณสามารถใช้ได้ เพื่อแก้ไขความเสียหายจากแสงแดด

          ทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด

          การทำเช่นนี้คุณจะปกป้องผิวจากความเสียหายที่เพิ่มขึ้น และชะลอความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในผิวที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนให้ช้าลง ช่วยให้ผิวมีเวลาในการเยียวยาตัวเอง และระบบภูมิคุ้มกันของคุณมีโอกาสที่จะซ่อมแซมความเสียหายที่มีอยู่ ที่จริงการศึกษาวิจัยในออสเตรเลียชี้ว่า เพียงแค่การใช้ครีมกันแดดก็สามารถเปลี่ยนการทำงานของเซลล์ที่อาจเป็นมะเร็งได้ ฉะนั้น ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF15 เป็นอย่างน้อยทุกวัน เพื่อเพิ่มการปกป้องของครีมกันแดด ทา 30 นาทีก่อนออกแดด และทาซ้ำทุกสองชั่วโมง ปริมาณของครีมกันแดดสำหรับทาทั่วเรือนร่างเวลาใส่ชุดว่ายน้ำ ก็คือประมาณ 1 ออนซ์ เพื่อที่จะได้รับการปกป้องแดดตามค่า SPF ที่แท้จริงหนึ่งออนซ์ก็ประมาณแก้วหนึ่งช็อต

          ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรติโนอิดส์ (Retinoids) หรือเตรติโนอิน (Tretinoin)

          ผลิตภัณฑ์ที่แพทย์สั่งเหล่านี้ได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถทำให้เซลล์ที่เสียหายทำงานเป็นปกติได้ ทำให้เซลล์ในผิวชั้นนอกอบอิ่มขึ้น ชุบชีวิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวที่หายไป เพิ่มการไหลเวียนโลหิตมายังผิว และขัดลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป แต่ประสิทธิภาพของเรตินเอต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ต่อกันหลายเดือนกว่าที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง และอาจเกิดอาการระคายเคืองได้รวมทั้งทำให้ผิวไวต่อแสงแดดเพิ่มขึ้น

          สร้างเกราะป้องกันด้วยแอนตี้ออกซิแดนต์

          ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของแอนตี้ออกซิแดนต์ แอนตี้ออกซิแดนต์ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของผิวเพื่อป้องกันมะเร็งและในขณะเดียวกันก็ปกป้องคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวจากอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวเหี่ยวย่นถึงแม้การกินอาหารที่อุดมด้วยแอนตี้ออกซิแดนต์ จะสำคัญอย่างมาก แต่คุณก็ควรทาครีมหรือเซรั่มที่มีแอนตี้ออกซิแดนต์ด้วย เพื่อที่ผิวจะได้ดูดซึมเข้าไปโดยตรง แอนตี้ออกซิแดนต์ที่มีวิตามินซีเป็นหลัก ช่วยได้อย่างมากในการลดปัญหาเรื่องสีผิวและจุดด่างดำ และมีการค้นพบว่าการนำเอาส่วนผสมของวิตามินซีและอีมารวมกันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้ด้วย 

          นอกจากนี้ ยังมีชาเขียวที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งจากการศึกษาวิจัยของ Amercian Academy of Dermatology เกี่ยวกับชาเขียวที่นำมาทาลงบนผิวพบว่า มันยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม คุณไม่มีวันผิดพลาดไม่ว่าจะเลือกแอนตี้ออกซิแดนต์ใด ๆ ก็ตาม แต่เนื่องจากแอนตี้ออกซิแดนต์ไม่สามารถให้ผลดีอะไรได้แก่เซลล์ผิวที่ตายแล้ว อย่าลืมการขัดลอกผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

       ทำอย่างไรถ้าผิวไหม้แดด

          ทำให้ผิวเย็นลง ประคบผิวด้วยน้ำผสมกับนมเย็น ๆ หรือเจลว่านหางจระเข้แช่เย็น จะช่วยให้อาการแสบร้อนดีขึ้นได้

         กินยาแอสไพรินหรือไอบูโพรเฟน ช่วยได้สำหรับอาการไหม้แดดที่รุนแรง ช่วยลดความเจ็บปวดที่เกิดจากการไหม้แดด และช่วยลดอาการอักเสบ

         ลองครีมสเตียรอยด์ ที่มีขายในร้านขายยา สเตียรอยด์ลดอาการอักเสบ แต่ต้องระวังเพราะครีมสเตียรอยด์ทำให้ผิวบางลงได้ถ้าใช้บ่อยเกินไป

       ไปพบแพทย์

          เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของผิวและจุดด่างดำทั้งหลายที่มาจากแสงแดด แพทย์ผิวหนังยังสามารถใช้กระบวนการหรือทรีตเมนต์หลายอย่างที่ช่วยคุณได้

         การลอกหน้าด้วยสารเคมี (Chemical Peels) เป็นการใช้กรดเข้มข้น (กรดไกลโคลิก แล็กติก หรือ TCA) เพื่อลอกเซลล์ผิวชั้นบนออกไป เพื่อให้เซลล์ผิวใหม่ที่สดใสกว่าขึ้นมาแทนที่ ช่วยลดริ้วรอยจาง ๆ และจุดด่างดำลงได้ แต่ความเข้มข้นของกรดอาจทำให้เกิดอาการบวมแดงได้

          ไมโครเดอร์มาเบรชัน เป็นการขัดผิวด้วยเกล็ดอัญมณี ที่กำจัดเซลล์ผิวชั้นนอกเหมาะอย่างมากสำหรับการจัดการกับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ แต่เหมาะกับคนที่ผิวหนาและหยาบ ส่วนคนที่ผิวบอบบางควรเลี่ยง

         IPL (Intens Pulsed Light Treatment) ช่วยรักษาปัญหาหลายอย่างที่เกี่ยวกับความเสียหายจากแสงแดด ไม่ว่าจะเป็นกระ จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ IPL ยังสามารถใช้ได้กับผิวที่คอ หน้าอก และมือ ซึ่งความเสียหายจากแดดมักปรากฏให้เห็นได้ด้วย ต้องรักษาอย่างต่อเนื่องจึงจะได้ผล

          เลเซอร์ การขัดลอกผิวด้วย Ablative Laser ได้ถูกใช้มากว่าสองทศวรรษแล้ว CO2 เป็นเลเซอร์รุ่นแรก ๆ ที่นำมาใช้ และต่อมาก็มี Erbium Yag Laser ที่นิยมกันมากกว่า เนื่องจากมันทำให้เกิดความเสียหายจากความร้อนต่อผิวน้อยกว่า ทำให้ผิวฟื้นตัวเร็วกว่า แต่ข้อเสียของเลเซอร์ชนิดนี้ก็คือ ต้องมีเวลาในการเยียวยาตัวเองของผิวที่ค่อนข้างนาน เลเซอร์อีกแบบหนึ่งคือ Non-Ablative Laser ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ มันทำให้ผิวชั้นในเกิดความร้อนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเนื่องจากไม่มีการขัดลอกผิวชั้นบนออก จึงทำให้ไม่ต้องมีระยะเวลาของการพักฟื้นนาน และอาจมีผลข้างเคียงและความเจ็บปวดน้อยกว่าเลเซอร์แบบแรก

       ดูแลผิวหลังออกแดด

          นอกจากการแก้ไขความเสียหายในระยะยาวแล้ว การดูแลผิวหลังจากเผชิญแสงแดดนาน ๆ ในช่วงหน้าร้อน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่จะทำให้ผิวสุขภาพดีและเปล่งปลั่ง หลังจากเจอแดดมากเกินไป

          ปลอบประโลมผิว รังสีที่ร้อนแรงสามารถทำให้เซลล์ผิวเสียหายได้ และความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แม้คุณจะไม่เกิดอาการไหม้แดด มันก็เป็นไอเดียที่ดีที่จะใช้โลชั่นดูแลผิวหลังออกแดดที่ช่วยเยียวยาหรือบรรเทาผิว และช่วยในการเยียวยาตัวเองของผิว อะโลเวร่าหรือว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสมธรรมชาติที่สามารถปลอบประโลมและบรรเทาผิวที่แห้งให้นุ่มขึ้นได้ มันยังได้ผลอย่างมากในการบรรเทาอาการไหม้แดด

          เติมความชุ่มชื่น แสงแดดทำให้ผิวของคุณแห้งกร้านได้ง่าย หลังจากโดนแดดมาก ๆ คุณต้องการมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง ๆ และควรดื่มน้ำเยอะ ๆ ด้วย ลองมองหามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ เชียบัตเตอร์ หรือโกโก้บัตเตอร์ เพื่อให้ผิวนุ่มและชุ่มชื่น มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของเอเอชเอหรือกรดไฮยาลูรอนิก สามารถทำให้ผิวอวบอิ่มขึ้น ทำให้ดูมีริ้วรอยน้อยลง และการใช้อย่างต่อเนื่องอาจกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้

          ปรนเปรอผิว นอกจากขั้นตอนปกติแล้ว เอาใจตัวเองเพิ่มขึ้นด้วยการใช้มาส์กเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวอย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ เลือกมาส์กแบบให้ความชุ่มชื่นสูง ๆ เพื่อเยียวยาผิวที่แห้งกร้านจากแดด และเอามาส์กไปแช่ตู้เย็นก่อนใช้เพื่อเพิ่มความสดชื่น

          อย่าลืมขัดลอกผิว การกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยเปิดทางให้เซลล์ผิวใหม่ที่สดใสกว่าเผยตัว ทำให้ผิวดูเรียวเนียนขึ้น และส่วนผสมต่าง ๆ ในการบำรุงและปรนเปรอผิวสามารถซึมซับลงไปในผิวได้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมขัดลอกเซลล์ผิวเป็นประจำด้วยล่ะ

ที่มา : www.kapook.com

เคล็ดลับป้องกันอายไลเนอร์เลอะเลือน


แต่งหน้า

เคล็ดลับป้องกันอายไลเนอร์เลอะเลือน 
(Lisa) 

          ถ้าคุณไม่อยากมีตาเหมือนแพนด้าในวันที่คุณวาดอายไลเนอร์ล่ะก็ ลองใช้เคล็ดลับที่เรานำมาฝากกัน

           ก่อนที่คุณจะลงมือวาดอายไลเนอร์ให้สวย ก็ควรทาไพร์เมอร์ให้เรียบร้อยซะก่อน

           เลือกใช้อายไลเนอร์ชนิดลิควิด เพราะอายไลเนอร์ชนิดนี้จะติดทนนานกว่า และมักจะไม่เลอะเลือนเหมือนอายไลเนอร์ชนิดดินสอ

           แต่ถ้าคุณชอบอายไลเนอร์แบบดินสอจริง ๆ เราขอแนะนำให้ทาไพร์เมอร์ แล้วรอให้ไพร์เมอร์เซ็ตตัวก่อน จึงค่อยวาดอายไลเนอร์

           หลังจากแต่งหน้าแต่งตาเสร็จแล้ว ก็ควรใช้สเปรย์ป้องกันเครื่องสำอางเลอะเลือนฉีดพรมให้ทั่ว




ที่มา : www.kapook.com 

แต่งหน้าให้เริ่ด … ต้อนรับสายฝน (woman plus)


แต่งหน้าให้เริ่ด … ต้อนรับสายฝน

แต่งหน้าให้เริ่ด … ต้อนรับสายฝน (woman plus)
          ช่วงนี้สาว ๆ อย่าเพิ่งไว้วางใจกับสภาพอากาศมากนะคะ  เพราะไม่รู้ว่าท้องฟ้าจะครึ้ม ฝนจะตกเอาตอนไหนไม่บอกไม่กล่าวกันให้ทราบ  อย่างนั้นสิ่งที่สาว ๆ ควรจะทำและระวังให้มากที่สุดคือเรื่องการแต่งหน้า  หากวันไหนแต่งหน้ามาสวยแต่เกิดฝนตก เครื่องสำอางอาจจะหลุด เลอะเทอะ  กลายเป็นหมีแพนด้า มาสคาร่าเลอะ ครีมรองพื้นเนอะได้  วันนี้มีวิธีการเตรียมตัวและแต่งหน้าอย่างไร ให้สาว ๆ ได้พร้อมเฉิดฉาย งามเลิศในช่วงย่างเข้าฤดูฝนแบบนี้

          ก่อนเราจะสวยกัน  มาเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางที่สาวๆ ชอปกันมาในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ว่ามีเครื่องสำอางเหล่านี้ติดกระเป๋าเอาไว้หรือเปล่า  ถ้าไม่ !  ลองมาเลือกเครื่องสำอางกันค่ะว่าในช่วงหน้าฝนกันว่าควรจะมีเครื่องสำอางแบบไหนติดกระเป๋าเอาไว้บ้าง
แต่งหน้าให้เริ่ด … ต้อนรับสายฝน
          สิ่งที่สำคัญของการแต่งหน้าคือการเลือกเครื่องสำอางให้เหมาะสม  หากสาวๆ คิดว่าสักแต่จะแต่ง ๆ  ตามแบบของตัวเองแล้วคิดว่าสวย ก็อาจจะพลาดได้เหมือนกัน  เราควรเลือกเครื่องสำอางที่กันน้ำได้

          -  รองพื้น  ควรใช้รองพื้นชนิดครีม เนื่องจากในรองพื้นชนิดนี้จะมีน้ำมันผสมอยู่  เมื่อฝนตก ปฏิกิริยาของน้ำและน้ำมันเจอกันจะไม่ทำให้รองพื้นของคุณหลุดได้

          -  อายแชโดว์  ก็ควรเป็นชนิดครีม  ซึ่งในเครื่องสำอางชนิดครีมก็จะมีส่วนผสมของน้ำมันซึ่งจะไม่ให้ดวงตาของคุณขาดสีสันได้

          -  มาสคาร่า  จะเป็นหมีแพนด้ากันหรือเปล่าก็ตรงนี้แหละค่ะ  เราต้องเลือกมาสคาร่าชนิดกันน้ำ  หรือที่เรียกว่า Waterproof  เพราะมีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี  แต่ก็ต้องระวังช่วงการล้างหน้า ซึ่งจะต้องใช้เมคอัพรีมูฟ ครีมหรือเจลทำความสะอาดเครื่องสำอางชนิดกันน้ำ เพื่อไม่ให้เครื่องสำอางเหลือตกค้างและก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้าของคุณได้

          - บลัชออน  ก็ใช้การเลือกแบบครีม เช่นเดียวกับครีมรองพื้นและอายแชโดว์   และการใช้บลัชออนชนิดครีมจะช่วยให้แก้มของคุณดูมีสีสันติดทนนานตลอดทั้งวันได้ด้วย
แต่งหน้าให้เริ่ด … ต้อนรับสายฝน
          เมื่อในกระเป๋ามีเครื่องสำอางเหล่านี้ครบถ้วนแล้ว เรามาเริ่มขั้นตอนการแต่งหน้ากันเลยค่ะ

          -  หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าของคุณเสร็จแล้ว  ทาครีมบำรุงต่างๆ ให้ทั่วใบหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในสภาพผิว

          -  แตะครีมรองพื้นบาง ๆ ให้ทั่วทั้ง 5 จุด  เช่น แก้ม 2 ข้าง จมูก คาง และหน้าผาก  เกลี่ยให้ทั่วเบา ๆ ทั่วใบหน้า นอกจากครีมรองพื้นจะช่วยกันน้ำได้ และยังช่วยให้สีสันของเมคอัพดูโดดเด่นและติดทนนาน

          -  แต้มครีมบลัชออน บริเวณโหนกแก้ม เบา ๆ เคล็ดลับคุณอาจจะใช้นิ้วนางและนิ้วกลางในการเกลี่ยได้ เพราะนิ้วทั้งสองนิ้วจะทำให้เกิดแรงสัมผัสที่เบากว่านิ้วอื่นๆ  จากนั้นตามด้วยแป้ง  และแต่งตาด้วยอายแชโดว์ สีสันที่คุณต้องการ

          -  การทาอายแชโดว์  ชนิดนี้จะต้องเกลี่ยให้เนียน สม่ำเสมอทั่วทั้งตา  และกดทับด้วยแบบฝุ่นเพื่อให้สีอายแชโดว์ติดทนนาน

          -  ปัดมาสคาร่า ชนิดกันน้ำและมีขนแปรงที่เว้นระยะในการเรียงเส้น ให้ปัดง่ายและขนตาเรียงสวย  เคล็ดลับให้ขนตางอนเป็นธรรมชาติ ให้เริ่มปัดจากโคนขนตา จากนั้นบิดแล้วช้อนขนตาค้างเอาไว้ 2 วินาที เพื่อให้ขนตาได้รูปตามต้องการ

          -  เติมสีสีนให้เรียวปากด้วยลิปสติก

          เพียงเท่านี้ สาว ๆ ก็พร้อมเฉิดฉาย  ในฤดูกาลแห่งสายฝนอย่างมั่นใจ ได้ค่ะ 



ที่มา : www.kapook.com 

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555



แฟชั่นเสื้อผ้าสีพาสเทลต้อนรับฤดูฝน



ฤดูร้อนที่สาวๆ หลายคนชอบ เพราะจะได้ไปเดินเฉิดฉายริมทะเลใส่ทูพีชสีสันสดใสได้อย่างสบายใจกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วค่ะ กลายเป็นฤดูที่มีแต่ความชุ่มฉ่ำเข้ามาแทน เสื้อผ้าสีสันสดใสฉูดฉาดเกินไปอาจจะดูไม่อินเทรนด์แล้ว เลยขอส่งท้ายฤดูร้อนนี้ด้วย "เสื้อผ้าสีพาสเทล" อ่อนหวาน (สาวหวานคงแอบยิ้มแก้มปริกันเลยนะคะ กับเสื้อผ้าสไตล์นี้) เพื่อเป็นการต้อนรับฤดูฝนที่กำลังเข้ามาเพิ่มความชุ่มฉ่ำในหัวใจคุณสาวๆ กันดูนะคะ
ก่อนอื่นเราต้องมาดูกันก่อนนะคะว่าสีพาลเทลที่ว่านี้มันเป็นแบบไหนกันนะ??...สีพาลเทลจะเป็นสีโทนเย็นที่มีควมอ่อนกว่าสีปกติลงมา 1 - 2 เฉดค่ะ เมื่อสาวใส่แล้วให้ความเบา ใส่ได้บ่อย และข้อดีของสีพาลเทลเลยก็คือสามารถเข้ากับสีอื่นๆ ได้ง่ายเพราะเป็นสีที่บางเบาไม่ฉูดฉาดนั้นเอง


ถ้าใส่แบบกางเกง จะให้ดูเก๋ไก๋โดดเด่นมากขึ้นมีเทคนิคง่ายๆ คือ ให้เสื้อที่สีเข้ม เพื่อที่จะตัดกับสีกางเกงสีพาลเทลจะทำใหคุณดูสวยเด่นขึ้นมาในทันทีเลยค่ะ

 

ถ้าใส่แบบเสื้อ ก็สามารถเพิ่มความแตกต่างได้ง่ายๆ เช่น อาจจะใส่ไว้เป็นเสื้อตัวใน หรือหาเข็มขัดของประดับอื่นๆ มาเพิ่มให้ดูแปลกตาก็เก๋ไม่เลวเลยทีเดียวค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะคุณสาวๆ ลองไปเลือกและปรับให้เข้ากับตัวคุณเองดูค่ะ จะแต่งอย่างไรก็แต่งได้นะคะแต่ขอให้สวยสมวัยและถูกกาลเทศะกันด้วยนะคะ และคราวหน้าจะมีเรื่องราวอะไรมาฝากอยากรู้ต้องรอติดตามค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบจาก Dahon
ที่มา : www.sanook.com

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

13 สิ่งที่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น


13 สิ่งที่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น


ลดน้ำหนัก


13 สิ่งที่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น 

          อยากหุ่นสวยเร็วขึ้น ท่องอาหาร 13 อย่างนี้ไว้ให้ขึ้นใจ เพราะมันจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นนะ...ขอบอก

           1.ไฟเบอร์ นอกจากช่วยในระบบขับถ่ายแล้ว ยังช่วยล้างของเสีย และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ออกจากร่างกายและเส้นเลือดด้วย

           2.นมอุ่น ๆ ช่วยผลิตเมลาโทนินที่ทำให้คุณหลับสบาย เมื่อคุณหลับร่างกายจะเร่งสร้างฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมา
กาแฟ

           3.กาเฟอีน ช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม หรือระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งจะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น เมื่ออัตราการเต้นของหัวใจถูกกระตุ้น ก็จะส่งผลให้ระบบอื่น ๆ ทำงานเร็วขึ้นไปด้วย

           4.เซลารี่ หรือขึ้นฉ่ายฝรั่ง เหมาะจะเป็นของว่างสำหรับคุณ เพราะมันช่วยในการเผาผลาญแคลอรีได้ดีนัก

           5.สารช่วยในการระบาย ไม่ใช่ยาถ่าย แต่เป็นอาหารที่ช่วยระบายท้อง เช่น ลูกพรุน หรือชา จะช่วยเคลียร์ระบบภายในร่างกาย และรีดเอาของที่ไม่ดีออกไป

           6.หมากฝรั่ง เมื่อปากคุณไม่ว่าง เพราะกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งหนึบ ๆ อยู่ นอกจากคุณจะแตะอาหารอื่นน้อยลงแล้ว การเคี้ยวหมากฝรั่งยังช่วยเร่งระบบเผาผลาญให้คุณได้ด้วยนะ แต่ระวังอย่าเคี้ยวมากไป เพราะกรดในกระเพาะคุณอาจเสียหายได้

กล้วย

           7.กล้วย ช่วยกระตุ้นพลังงานในร่างกาย เมื่อคุณมีพลังมากขึ้น และได้ออกกำลัง ร่างกายก็จะนำเอาคาร์โบไฮเดรต หรือแป้งที่สะสมไปใช้

           8.ช็อกโกแลตบาร์ มันไม่ได้ช่วยคุณลดน้ำหนักหรอก แต่อย่างน้อย ๆ การกินของหวานสักหน่อยก็ไม่เสียหาย ดีกว่าที่คุณพยายามจะงดของหวานอย่างสิ้นเชิง จนสุดท้ายแล้ว ก็ลงแดงจนต้องล้มเลิกแผนไดเอ็ตน่ะ

           9.น้ำ สิ่งที่คุณไม่ควรลืม เพราะน้ำช่วยเติมคุณค่าให้ร่างกายคุณอยู่เสมอในระหว่างไดเอ็ต ทั้งยังช่วยชำระล้างของเสีย และเคลียร์ระบบในร่างกาย
ผักสด

           10.ผักสด เปี่ยมด้วยคุณค่าจากน้ำและไฟเบอร์เหมือนกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหาร ควบคุมน้ำตาลในเลือด และให้แคลอรีต่ำ แต่มีมวลรวมค่อนข้างสูงที่จะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้ไม่ยาก โดยที่ไม่ได้รับแคลอรีไปมากมาย

           11.เกรปฟรุต เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับในการช่วยไดเอ็ต คุณสามารถใส่ในชามซีเรียลแล้วกินคู่กันในตอนเช้า ก็จะได้อาหารที่มีไฟเบอร์สูง และยังเหมาะจะรับประทานเป็นของว่างด้วย ซึ่งปริมาณน้ำที่สูงมากในเกรปฟรุตช่วยล้างสารที่ไม่ดีออกจากร่างกาย และยังมีคุณค่าจากสารพัดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบี คอมเพล็กซ์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้ร่างกาย ทำให้คุณดึงคาร์โบไฮเดรตที่ได้รับไปใช้ และไม่สะสมอยู่ในร่างกาย จึงส่งผลให้ไขมันสะสมลดลงไปด้วย
ผลไม้

           12.ผลไม้สด ผลไม้สดอุดมไปด้วยน้ำ เช่น แอปเปิ้ล สับปะรด สตรอวเบอร์รี่ และเกรปฟรุต อุดมไปด้วยน้ำถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนแตงโมนั้นให้น้ำมากถึง 92 เปอร์เซ็นต์ คุณอาจกินซีเรียล กินผลไม้ หรือเสริมด้วยผลไม้จำพวกเบอร์รี่เข้าไปหลังอาหารแต่ละมื้อ

           13.โปรตีน เปลี่ยนจากการทอดมาเป็นย่างแทนสำหรับเนื้อสัตว์ โดยสุดยอดของโปรตีนที่มีประโยชน์มากก็คือ เนื้อปลาแซลมอน ไก่งวง ที่ให้โปรตีนเต็มเปี่ยมแต่แคลอรีไม่สูงเกิน และปริมาณไขมันอิ่มตัวก็น้อย สำหรับคนรับประทานมังสวิรัติ ก็เน้นเป็นถั่วเหลืองแทน

ที่มา : www.kapook.com

10 ผลกระทบจากเลเซอร์ รู้ก่อนทำ!!



10 ผลกระทบจากเลเซอร์ รู้ก่อนทำ...จำขึ้นใจ

         ไม่ว่าจะสมัยไหน ปัญหาผิวหน้าที่กวนใจสาวไทยก็หนีไม่พ้นปัญหาหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ข้อ ไม่ว่าจะเป็น

        1. สีผิวไม่สม่ำเสมอ

        2. รอยด่างดำบนใบหน้า

        3. ผิวหน้าหมองคล้ำ

        4. รูขุมขนกว้าง

         4 ปัญหาตัวฉกาจนี้ สาว ๆ ต้องทนรับมือหาหนทางมาจัดการ บางคนใช้ไวท์เทนนิ่งครีมหมดกี่กระปุกก็แล้ว ปัญหาก็ยังไม่หาย บางคนพึ่งหมอ เจอปัญหาหมอเลี้ยงไข้ เลิกใช้ก็กลับมาเจอปัญหาอีก บางคนถึงขั้นใจปล้ำเทกระเป๋าทำเลเซอร์ ตัดใจคราวนี้แหละ ไม่ต้องเจออีกแล้วไอ้ปัญหาซ้ำซาก แต่ผลลัพธ์ข้างเคียงที่ได้เนี้ยสิ คุ้มมั้ยกับการเสี่ยงทำเลเซอร์ ???

         วันนี้เรารวบรวมผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์ที่สาว ๆ ในโลกออนไลน์บ่นถึงมาฝากสาว ๆ ที่กำลังคิดชั่งใจจะไปทำเลเซอร์ ดังนี้...

        1. ผิวหน้าไวต่อแดด แพ้ง่าย เป็นแผลง่าย

         2. ผิวหน้าระคายเคืองต่อเครื่องสำอางง่าย

         3. ผิวหน้าแห้ง เป็นขุยง่าย

         4. ผิวหน้าเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำได้ง่ายขึ้น

         5. ต้องใช้ครีมของหมออย่างเดียว ซึ่งราคาสูงและเป็นการผูกมัดเกินไป

         6. ค่าใช้จ่ายแพง

         7. พอไม่ทำ...ก็หน้าคล้ำเหมือนเดิม

         8. ตอนทำ เจ็บหน้า

         9. มีรอยแผลเป็นรอยตาข่ายจากการลอกของผิวหนังหลังจากทำเลเซอร์

        10. ไม่กล้าให้คนอื่นเห็นหน้า ไม่กล้าเข้าสังคม


         จริงอยู่ที่เลเซอร์มีผลข้างเคียงหลังการรักษา แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพึ่งพอใจ และดูเหมือนเป็นหนทางสุดท้ายของสาว ๆ ที่จะพิชิตปัญหาความกังวลของผิวหน้าได้ เราแค่ประมวลผลข้างเคียงมาฝากเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้สาวก่อนคิดจะทำค่ะ



ที่มา : www.kapook.com