วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รักแร้ขาวๆแบบไม่เปลืองเงิน


รักแร้ขาวๆแบบไม่เปลืองเงิน

การมีรักแร้ดำมีแต่จะทำให้คุณผู้หญิงหมดความมั่นใจ จะใส่เซื้อแขนกุดหน่อยก็ไม่ได้ ต้องคอยปกปิดอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ต้องกังวลไป ลองมาดูวิธีที่ช่วยให้คุณผู้หญิงรักแร้ขาวได้ง่ายๆ แบบไม่เปลืองเงินกัน

1. จำไว้เลยว่า บรรดาพวกสารเคมีทั้งหลายที่คุณผู้หญิงหามาทานี่แหละ คือตัวการดีที่ทำรักแร้ดำ ดังนั้นแนะให้เปลี่ยนจากการใช้ครีมที่มีสารเคมีต่างๆ มาใช้เป็นวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติ กันดีกว่า ถ้าอยากรักแร่ขาว ลองดูสูตรนี้ นำน้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้ง แล้วทาลงบนผิว บริเวณรักแร้ขอบคุณผู้หญิงเบาๆ จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ด้วยน้ำสะอาด หมั่นทำบ่อยๆ แล้วคุณผู้หญิงจะเห็นว่าผิวบริเวณรักแร่จะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปค่ะ

2. ใช้ผงสารพัดประโยชน์เบกกิ้งโซดา วิธีการก็คือ หลังจากที่คุณผู้หญิงอาบน้ำแล้ว ก็ใช้ผงเบกกิ้งโซดามาขัดที่ใต้วงแขนอย่างเบาๆ มือ จากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยสบู่อีกหนึ่งรอบแล้วะเช็ดให้แห้งสนิท หลังจากการทำความสะอาด หมั่นทำสักอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพียงแค่นี้ใต้วงแขนก็กลับมาขาวใสแล้วละคะ

3. สูตรสำหรับคุณผู้หญิงที่ชอบทำอาหาร แค่นำน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำแตงกวา แล้วนำไปปั่นรวมกับขมิ้น จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดมาทาที่รักแร้ขอคุณผู้หญิง แล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วคุณก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำบ่อยๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงแน่นอนค่ะ

4. เพื่อให้ใต้วงแขนของคุณผู้หญิงขาวขึ้น อย่างเป็นที่น่าพอใจ ยกแขนท่าไหนก็มั่นใด้ทุกท่า ลองนำน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำแอปเปิล (หากไม่มีก็สามารถใช้น้ำองุ่นขาวมาใช้แทนได้) จากนั้นให้ใช้สำลีหรือผ้าชุบน้ำที่ผสมแล้ว นำมาเช็ดบริเวณใต้วงแขนของคุณ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล้่าให้สะอาด เพียงเท่านี้งลแจนก็กลับมาค่อยๆ ขาวแล้วละคะ

5. หากในครัวของคุณมีน้ำแอปเปิล ไซเดอร์ วีนีก้า (Apple cider vinegar) อยู่แล้ว ไม่จำต้องไปหาซื้อส่วนผสมเพิ่มเติม หรือใช้สารเคมีอะไรมาช่วยทั้งนั้น เพราะแค่ขวดนี้ขวดเดียวก็เอาอยู่ เพียงแค่คุณผู้หญิงนำน้ำแอปเปิ้ล ไซเดอร์ วีนีก้าทาลงไปใต้วงแขนของคุณทุก ๆ วัน แต่ละครั้งให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ด้วยวิธีนี้ใต้วงแขนก็จะขาวใสขึ้นแบบทันตาเห็นเลยล่ะ ว้าว น่าลองใช่ไหมละ ^^

6. ถ้าคุณผู้หญิงมีแตงกวา หรือมันฝรั่งติดครัวอยู่บ้าง ก็สามารถนำทั้งสองอย่างมาใช้ได้เช่นกัน โดยนำแตงกวา หรือมันฝรั่ง มาหั่นเป็นชิ้น บางๆ แล้ววางที่ใต้วงแขนของคุณสักประมาณ 20 นาที แต่หากคุณผู้หญิงเป็นคนใจร้อนไม่ชอบรอ ก็ให้นำมาขัดใต้วงแขนแทน เพียงเท่านี้วงแขนก็กลับมาขาวเนียนได้เหมือนกันค่ะ 

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

5 เคล็ดลับดับกลิ่นบุหรี่


5 เคล็ดลับดับกลิ่นบุหรี่

กลิ่นบุหรี่อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของใครหลายคนเพราะกลิ่นบุหรี่นั้นทำให้บรรยากาศในบ้านนั้นต้องเสียไป วันนี้ Immie2shop จึงนำ 5 วิธีดับกลิ่นบุหรี่ ที่อยู่หมัดกันทีเดียวเพื่อให้ได้หายกลุ้มอกกลุ้มใจและพร้อมที่จะต่อสู้กับเจ้ากลิ่นบุหรี่นี้ค่ะ



วิธีดับกลิ่นบุหรี่


1.หากมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ตามเครื่องหนัง เช่น โซฟาหนัง กระเป๋าหนัง วิธีการดับกลิ่นให้ใช้น้ำส้มสายชูเทใส่ผ้าพอประมาณ แล้วเช็ดเครื่องหนังที่มีกลิ่นติดอยู่ ถึงแม้น้ำส้มสายชูจะมีกลิ่นฉุนสักหน่อยแต่หากทิ้งไว้สักพักหนึ่งกลิ่นจะระเหยไปเอง เป็นวิธีที่ปลอดภัยแบบธรรมชาติและกำจัดกลิ่นได้ดี

2.ถ้ามีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ตามพรมเช็ดเท้า วิธีการดับกลิ่นนำพรมเช็ดเท้าไปซักให้สะอาดแล้วตากแดดให้แห้งหรือใช้โซดาไฟโรยลงไปบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน เพื่อให้ดูดกลิ่นออกให้หมด

3.กลิ่นบุหรี่เหม็นอับในห้องนอน วิธีการดับกลิ่นให้ใช้สำลีชุบแอมโมเนียหรือน้ำส้มสายชูวางทิ้งไว้ตามจุดต่าง ๆ ภายในห้อง หรือจะใช้วิธีจุดเทียนไขทิ้งไว้ในห้องเพื่อดับกลิ่นก็ช่วยได้เช่นกัน และคุณควรหมั่นเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศมีการถ่ายเท

4.กลิ่นบุหรี่อบอวลในห้องรับแขก วิธีการดับกลิ่นหยดน้ำส้มสายชูสัก 2-3 หยดลงในน้ำร้อน 1 แก้ว แล้วนำไปตั้งทิ้งไว้บริเวณซอกหรือมุมต่าง ๆ ภายในห้องรับแขกจะทำให้กลิ่นบุหรี่ค่อย ๆ จางหายไป

5.ดับกลิ่นบุหรี่ในรถ วิธีการดับกลิ่นคุณควรนำที่เขี่ยบุหรี่ออกมาทำความสะอาดและทิ้งเถ้าบุหรี่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การโรยเบคกิ้งโซดาลงก้นที่เขี่ยบุหรี่ในรถจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยดับกลิ่นได้ แต่วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดกลิ่นบุหรี่ก็คือเลิกสูบบุหรี่ซะนอกจากจะไม่สร้างความรำคาญใจให้คนในบ้านแล้วยังจะทำให้สุขภาพของคนทั้งบ้านดีขึ้นปอดสะอาดกันทั้งครอบครัวเลย

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อาหารที่ช่วยคลายเคลียด


อาหารที่ช่วยคลายเครียด

สาวๆคนไหนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แน่เลยว่าต้องเกิดความเครียดบ้างใช่มั๊ยล่ะคะ แต่หากจะหยิบช็อคโกแลตมาหม่ำเพื่อคลายเครียดก็ระแวงว่าห้ามใจไม่อยู่ วันนี้ Immie2shop เรามีอาหารที่ช่วยคลายเครียดได้เป็นอย่างดีมาแนะนำอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ต้องไปดูกันค่ะ

แตงโม มีธาตุเย็นจากน้ำและมี "อาจินีน" เป็นเคมีที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายช่วยให้กระปรี้กระเปร่า มี "ไลโคปิน" ช่วยต้นสนิมแก่จากธาตุเครียดในตัวได้ดี นอกจากนั้นพืชพวกแตง อาทิ แตงไทย,แตงกวา, แตงร้าน, แตงแคนตาลูป ก็ช่วยได้เช่นกัน

ส้มตำ มีกรดเผ็ด ซึ่งอุดมในพริกนั่นเอง กรดเผ็ดนี้เองที่เป็นตัวนำให้ "สารสุข" ในสมองหลั่งจนอิ่มเอิบใจ

ใบขี้เหล็ก , สะเดา, มะระขี้นก โดยเฉพาะขี้เหล็กมีสาร "บาราคอล" ที่ดับอารมณ์ซึมเศร้า

น้ำผึ้ง เป็นอาหารอารมณ์ดี กินแล้วน้ำตาล "ฟรุกโตส" ในน้ำผึ้งจะช่วยกล่อมอารมณ์ให้สบายใจมีพลัง

ข้าวโพด กระยาสารท และธัญพืช มีธาตุอารมณ์ดีชื่อ "ทริปโตแฟน" เยอะ จะเปลี่ยนไปเป็นเคมีอารมณ์ดีชื่อ "ซีโรโทนิน" ใครมีเคมีดีๆ อย่างนี้เยอะก็ทำให้เป็นสุขใจ แก้ปวดหัว รักษาลำไส้แปรปรวน ช่วยต้านซึมเศร้าและทำให้เราแก่ช้าลงด้วย

แซนด์วิชทูน่า มี "โอเมก้า 3" และวิตามิน "บี 12 " มาก ช่วยบำรุงประสาท

นอกจากไม่ทำให้อ้วนแล้วยังช่วยให้สาวๆหายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะคร๊า ^_^

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

6 วิธีรับมือรองเท้ากัด


6 วิธีรับมือรองเท้ากัด


สาวๆหลายคนคงต้องเคยเจอปัญหาที่ว่า ซื้อรองเท้าคู่ใหม่มาใส่ยังไม่ชุ่มปอดก็ต้องเพลียใจเพราะโดนรองเท้าคู่สวยกัดใช่มั๊ยล่ะคะ วันนี้ Immie2shop เรามีเคล็ดลับดีๆมาแนะนำ เพื่อให้สาวๆได้ใส่รองเท้าคู่สวยกันให้ฉ่ำกันไปเลยล่ะคร๊า ^_^

1. ทาออยล์
ทาน้ำมันอย่างน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันละหุ่ง ลงไปด้านในรองเท้าที่มีทีท่าว่าจะต้องกัดเท้าคุณแน่ ๆ (รองเท้าหนังก็สามารถใช้วิธีนี้ได้นะ) ทิ้งเอาไว้ 2-3 วัน แล้วจึงค่อยหยิบมาใส่ น้ำมันที่ทาไปจะช่วยให้รองเท้าของคุณนุ่มขึ้น ป้องกันการถูกรองเท้ากัดได้เป็นอย่างดี

2. ทาวาสลีนหรือน้ำมันฝรั่ง
อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ คือการใช้วาสลีนทาหนา ๆ ลงไปในรองเท้าตรงบริเวณที่กัดคุณ ทิ้งเอาไว้ 2- 3 ชั่วโมง เช็ดออกด้วยสำลี แล้วจึงนำไปใส่ตามปกติ หรือจะใช้น้ำมันฝรั่งคั้นสดชโลมตรงรองเท้าที่ห่อหุ้มด้านข้อเท้าของคุณก็ได้ วิธีนี้จะทำให้หนังนุ่มขึ้นจากภายใน

3. โรยแป้ง
โรยแป้งที่เท้า และทาที่ด้านในรองเท้าทุกครั้งก่อนที่จะสวมรองเท้าคู่ใหม่ ความลื่นของแป้งจะช่วยให้เท้าไม่เสียดสีกับด้านในรองเท้ามากนัก แถมยังดูดความชื้นได้ ช่วยให้ใส่รองเท้าได้สบายขึ้น แต่เหมาะกับรองเท้าที่ไม่กัดมากเท่านั้น

4. แปะแผ่นกันรองเท้ากัดหรือสวมถุงเท้า
วิธียอดนิยมอีกหนึ่งประการก็คือ แปะแผ่นกันรองเท้ากัดไว้ในรองเท้า ซึ่งจะช่วยลดการเสียดสีระหว่างเท้ากับรองเท้าแข็ง ๆ ช่วยให้ใส่รองเท้าได้กระชับพอดีขึ้น หรือจะหาซื้อถุงเท้ามาใส่ เพื่อป้องกันการเสียดสีก็ได้ เดี๋ยวนี้มีถุงเท้าสั้น ๆ ที่ห่อหุ้มเฉพาะส่วนของเท้า (เป็นถุงเท้าคู่เล็ก สั้นกุด ไม่ห่อหุ้มข้อเท้า) เพื่อใส่กับรองเท้าผู้หญิงโดยเฉพาะด้วย

5. เลือกรองเท้าที่ใส่สบาย
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่สาเหตุและได้ผลดีมากที่สุด เพราะส่วนใหญ่แล้วสาว ๆ มักซื้อรองเท้าคู่ใหม่โดยดูจากดีไซน์และลวดลายที่ถูกใจ มากกว่าที่จะคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใส่ (หรือไม่ก็คิดว่าใส่ไปแล้วเดี๋ยวรองเท้าก็ขยายเอง .. ขอบอกว่า หากความรู้สึกแวบแรกบอกว่าใส่มันแล้วไม่สบายเท้า โอกาสที่ในอนาคตจะใส่มันแล้วถูกกับเท้าคุณมากขึ้นนั้นมีน้อยมาก ๆ เลยค่ะ) เพราะฉะนั้นครั้งต่อไป จำเป็นต้องให้ "ความสะดวกสบายในการสวมใส่" เข้ามามีส่วนร่วมเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาซื้อรองเท้าด้วย หากสวย ดีไซน์โดน แต่ใส่แล้วไม่สบายเท้า ก็ตัดใจเสียเถอะค่ะ .. ไม่คุ้มที่จะแลกรองเท้าคู่เดียว กับเท้าที่เหวอะเป็นแผลเลยเนอะ จริงไหม

6. ถูด้วยขี้ผึ้ง
ถูรองเท้าบริเวณที่กัดด้วยเทียนขี้ผึ้ง ขี้ผึ้งจะทำให้รองเท้านิ่ม และลื่นใส่ง่ายขึ้น ป้องกันการถูกรองเท้ากัดได้


จากนี้ไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่เมื่อไหร่ หากกลัวว่าจะถูกรองเท้ากัด ก็อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ

เคล็ดลับดีๆในการเลือกใส่กระโปรงยาว

เคล็ดลับดีๆในการเลือกใส่กระโปรงยาว

สาวๆค๊าหน้าหนาวแบบนี้คงต้องบอกลากางเกงขาสั้น กระโปรงสุดจี๊ด แล้วมารักกระโปรงยาวกันหน่อยแล้วล่ะค่ะ กระโปรงยาว นับเป็นอีกหนึ่งเทรนด์หน้าหนาวที่คุณสาว ๆ ควรมีเก็บไว้ครอบครอง เพราะนอกจากจะเป็นแฟชั่นที่ใส่สบายแล้ว ยังช่วยให้ความอบอุ่นกับช่วงขาได
้เป็นอย่างดีด้วย วันนี้
Immie2shop
มีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกใส่ กระโปรงยาว ให้สวยมาฝากสาวๆกันคร๊า

- ห้ามใส่กระโปรงยาวที่มีสีเดียวกะสีเสื้อเด็ดขาด เพราะคุณจะดูป้ามาก ๆ

- หากคุณมีรูปร่างค่อนข้างอวบอ้วน ห้ามใส่กระโปรงยาวกรอมเท้า เพราะคุณจะดูเหมือนถังเดินได้ดี ๆ นั่นเอง

- สาวสะโพกใหญ่ ควรหลีกเลี่ยงการใส่กระโปรงยาวลายจุด เพราะมันจะยิ่งเสริมให้สะโพกคุณดูใหญ่ขึ้นอีก

- ห้ามใส่กระโปรงยาวกับรองเท้าส้นตึก เพราะมันดูไม่เข้ากันเลยสักนิด คุณควรใส่รองเท้าเปลือยเท้าเก๋ ๆ จะดูเข้ากันดี ที่สำคัญ อย่าลืมรักษาความสะอาดของเล็บเท้ากันด้วยล่ะ

- ควรใส่กระโปรงยาวกับเสื้อเข้ารูป อาจเป็นเสื้อกล้ามหรือเสื้อมีแขนเก๋ ๆ เพราะหากว่าคุณใส่เสื้อตัวใหญ่กับกระโปรงยาว แล้วโดนเรียกว่า "ป้า" ไม่รู้ด้วยนะ ^^

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

5 อันดับผลไม้ล้างพิษยอดนิยม


5 อันดับผลไม้ล้างพิษยอดนิยม

ทุกวันนี้สารเคมีหรือสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมักแฝงมากับสภาพแวดล้อมที่เราต้องพบเจอในแต่ละวัน ไม่เว้นแต่อาหารที่เรากินกันทุกวัน แต่ใครจะรู้บ้างว่ามีอาหารบางชนิดสามารถดูดล้างพิษในร่างกายของคนเราได้Immie2shop ขอนำเสนอ 5 ผลไม้ยอดนิยมที่สาวๆนิยมรับประทานเพื่อล้างสารพิษกันค่ะ
กล้วย
มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วยแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกาโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก
อัลมอนด์
เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควรกินอัลมอนด์ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปไกลซีเมีย( Hypoglycemia )จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรง คิดอะไรไม่ออก
แอปเปิ้ล 
ระกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเปิ้ลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิ้ลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้
อะโวคาโด
อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน(Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
ส้มโอ หรือเกรปฟรุต
เพราะเป็นผลไม้รสชาติดีจึงได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย


(เอ่อ..นี่กล้วยหอมจอมซน..ช่วยไรได้อ่ะคะ55+)

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

8 กิจกรรมวันหยุด กำจัด200แคลอรี่


8กิจกรรมวันหยุด กำจัด200แคลอรี


1.เล่นแบดมินตัน ชวนเพื่อนๆ ออกมาเล่นแบดมินตันกลางแจ้งด้วยกัน คุณจะสามารถเบิร์นได้ประมาณ 200 แคลอรี ภายใน 40 นาที

2.จัดห้องใหม่ แค่จัดห้องใหม่ ย้ายเฟอร์นิเจอร์ เก็บนู่นเก็บนี่ใหม่ เรียกเหงื่อได้นิดหน่อย แต่เผาผลาญแคลอรีได้ดีทีเดียว

3.เล่นกอล์ฟ ไม่ต้องออกไปเดินสนามกอล์ฟกลางแดดร้อนๆ ให้ครบ 18 หลุมหรอก แค่หยิบชุดฝึกพัดกอล์ฟออกมาเล่น เหวี่ยงแขนไปเหวี่ยงแขนมาก้มๆ เงยๆ เก็บลูกเพลินๆ แค่ชั่วโมงเดียว ก็ลดไปแล้ว 200 แคลอรี

4.กระโดดโลดเต้นแบบเด็กๆ อย่างการเล่นตั้งเต (การกระโดดขาเดียวไปภายในช่องสี่เหลี่ยมที่ขีดขึ้นบนพื้น 10 ช่อง ทีละช่อง) เพียง 20 นาที คุณจะเผาผลาญออกไปได้ถึง 113 แคลอรี แต่ถ้าอยากเบิร์นพลังงานออกไปได้อีก กลับไปกระโดดแทรมโพลีนอีกสัก 22 นาที ก็จะเบิร์นได้เพิ่ม 87 แคลอรี

5.ไปเล่นโบว์ลิ่ง นัดเพื่อนๆ ออกไปแข่งโบว์ลิ่งกันดีกว่า เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง แคลอรีก็หายไปเยอะแล้วนะ

6.เล่นโยคะ ด้วยโยคะวินยาสะ (Vinyasa) หรือท่าอาสนะทั้งหลาย เพียงแค่ 25 นาที 200 แคลอรีก็ถูกกำจัดออกไปง่ายดาย

7.ออกไปจับจ่าย การออกไปเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ เป็นความบันเทิงใจของผู้หญิงแทบจะทุกคน แถมมันยังช่วยลดแคลอรีให้คุณได้ด้วยนะ เพราะทุกๆ ครั้งที่คุณถอดเสื้อผ้าตัวเก่าของคุณออก แล้วหยิบชุดใหม่มาลอง แล้วเปลี่ยนชุดเดิมกลับ จะทอนแคลอรีลงไปได้ 11 แคลอรีเชียวนะ

8.ล้างรถ ในเวลา 40 นาที ที่คุณล้างรถและลงแว็กซ์ จะช่วยกำจัดแคลอรีให้คุณ 240 แคลอรี และหากคุณได้ยืดตัวเช็ดๆ ถูๆ ทำความสะอาดในรถด้วยแล้ว พลังงานก็จะยิ่งถูกใช้มากขึ้นกว่านี้อีกนะ

อย่าอยู่เฉย ลองเป็นคนอยู่ไม่สุขซะบ้าง อย่างเช่นเวลานั่งว่างๆ อยู่เฉยๆ ก็ลองเคาะนิ้วเท้าไปด้วย เพราะมีนักวิจัยเคยบอกว่า คนที่อยู่ไม่สุข ชอบทำนู่นทำนี่ ไม่อยู่นิ่ง จะสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึงวันละ 350 แคลอรี ซึ่งมากกว่าคนที่ชอบอยู่นิ่งๆ มากเลยทีเดียวล่ะคร๊า

                                                   
เค้าก็ไม่ชอบอยู่นิ่งๆนะตัวเอง