สถาบันความงามในสมัยปัจจุบันนี้เกิดขึ้นมาอย่างมากมายและมีเครื่องมือเสริมความงามที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่สมัยต่าง
ๆ ที่นำมาแข่งขั้นกันเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน แต่วันนี้เราจะนำเรื่อง
เครื่องมือเสริมความงาม ต่าง ๆ
ที่คุณควรรู้ว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้างและมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น Laser ,
Radio Frequency , Botox , Ionto ฯลฯ
LASER (light amplification by simulated emission of
radiation)
หลักการ : เป็นเครื่องมือให้กำเนิดคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่น (wavelength) ที่เหมาะสมแล้วยิงไปยังเซลล์เป้าหมาย ซึ่งเซลล์จะรับและดูดซับพลังงานแสงในระดับที่เข้มพอที่จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนทำลายเซลล์ที่ต้องการกำจัดโดยจะไม่ทำลายเซลล์เนื้อเยื่อปกติ ทำให้ไม่มีปัญหาผิวแดงหรือแผลเป็นที่หนังกำพร้าซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
สภาพปัญหาที่เหมาะสมและการรักษา : ทำเลเซอร์กระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนเพื่อลดริ้วรอย รักษาปานแดงด้วยเลเซอร์ที่สามารถกำจัดเนื้องอกหลอดเลือด ขจัดขนส่วนเกินโดยทำลายเซลล์รากขน เซลล์ไขมันที่ทำให้เกิดตุ่มไขมัน เม็ดสีเมลานินเพื่อรักษากระ ฝ้า ส่วนปัญหาที่มีผู้นิยมมารับการรักษามากที่สุดได้แก่ ผู้ที่เป็น รอยคล้ำ กระ ฝ้า อย่างไรก็ตามการรักษาปัญหาผิวพรรณด้วย LASER นั้น บางอย่างอาจไม่หายขาด 100% เพียงแต่มีอาการดีขึ้น และอาจเกิดขึ้นได้ใหม่ เนื่องจากเลเซอร์จะขจัดเซลล์ส่วนเกินที่ไม่ต้องการแต่ไม่สามารถป้องกันการเกิดขึ้นใหม่ของเซลล์
ข้อควรคำนึง : ผลจากการทำเลเซอร์แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทแรกยิงแล้วมีบาดแผลเช่น เลเซอร์กำจัดไฝ กระเนื้อ หลังทำการรักษาจะเกิดแผลเป็นจุดเลือดออกและผิวอาจเป็นรอยบุ๋มเล็กน้อย ต้องดูแลโดยทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือสำหรับล้างแผล ทายา และหลีกเลี่ยงแสงแดด จากนั้นเนื้อเยื่อบริเวณรอยบุ๋มจะค่อย ๆ ขึ้นเต็มเหมือนเดิม อาจมีรอยคล้ำจาง ๆ เกิดขึ้นจากความร้อนของเลเซอร์แต่จะหายไปได้เองประมาณ 4 สัปดาห์ สำหรับประเภทที่สองยิงแล้วไม่มีบาดแผล เช่น กำจัดขน เส้นเลือดขอด ลดรอยคล้ำ กระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนเพื่อแก้ไขริ้วรอย หลังการรักษาสามารถล้างหน้า ทาครีมและใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติให้ความสะดวกในการดูแลหลังการรักษา หากใช้เครื่องมือไม่เหมาะสมควบคุมความร้อนไม่ดีอาจเกิดแผลเป็นได้ ดังนั้นจึงเป็นการรักษาที่ต้องใช้ความชำนาญควรพบแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
หลักการ : เป็นเครื่องมือให้กำเนิดคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่น (wavelength) ที่เหมาะสมแล้วยิงไปยังเซลล์เป้าหมาย ซึ่งเซลล์จะรับและดูดซับพลังงานแสงในระดับที่เข้มพอที่จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนทำลายเซลล์ที่ต้องการกำจัดโดยจะไม่ทำลายเซลล์เนื้อเยื่อปกติ ทำให้ไม่มีปัญหาผิวแดงหรือแผลเป็นที่หนังกำพร้าซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
สภาพปัญหาที่เหมาะสมและการรักษา : ทำเลเซอร์กระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนเพื่อลดริ้วรอย รักษาปานแดงด้วยเลเซอร์ที่สามารถกำจัดเนื้องอกหลอดเลือด ขจัดขนส่วนเกินโดยทำลายเซลล์รากขน เซลล์ไขมันที่ทำให้เกิดตุ่มไขมัน เม็ดสีเมลานินเพื่อรักษากระ ฝ้า ส่วนปัญหาที่มีผู้นิยมมารับการรักษามากที่สุดได้แก่ ผู้ที่เป็น รอยคล้ำ กระ ฝ้า อย่างไรก็ตามการรักษาปัญหาผิวพรรณด้วย LASER นั้น บางอย่างอาจไม่หายขาด 100% เพียงแต่มีอาการดีขึ้น และอาจเกิดขึ้นได้ใหม่ เนื่องจากเลเซอร์จะขจัดเซลล์ส่วนเกินที่ไม่ต้องการแต่ไม่สามารถป้องกันการเกิดขึ้นใหม่ของเซลล์
ข้อควรคำนึง : ผลจากการทำเลเซอร์แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทแรกยิงแล้วมีบาดแผลเช่น เลเซอร์กำจัดไฝ กระเนื้อ หลังทำการรักษาจะเกิดแผลเป็นจุดเลือดออกและผิวอาจเป็นรอยบุ๋มเล็กน้อย ต้องดูแลโดยทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือสำหรับล้างแผล ทายา และหลีกเลี่ยงแสงแดด จากนั้นเนื้อเยื่อบริเวณรอยบุ๋มจะค่อย ๆ ขึ้นเต็มเหมือนเดิม อาจมีรอยคล้ำจาง ๆ เกิดขึ้นจากความร้อนของเลเซอร์แต่จะหายไปได้เองประมาณ 4 สัปดาห์ สำหรับประเภทที่สองยิงแล้วไม่มีบาดแผล เช่น กำจัดขน เส้นเลือดขอด ลดรอยคล้ำ กระตุ้นการสร้างใยคอลลาเจนเพื่อแก้ไขริ้วรอย หลังการรักษาสามารถล้างหน้า ทาครีมและใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติให้ความสะดวกในการดูแลหลังการรักษา หากใช้เครื่องมือไม่เหมาะสมควบคุมความร้อนไม่ดีอาจเกิดแผลเป็นได้ ดังนั้นจึงเป็นการรักษาที่ต้องใช้ความชำนาญควรพบแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น
RADIO FREQUENCY (RF)
หลักการ : RF เป็นเครื่องให้กำเนิดคลื่นวิทยุความถี่สูงไปยังผิวหนัง เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้อุณหภูมิในผิวหนังร้อนขึ้น และความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นใยคอลลาเจนให้เปลี่ยนแปลงหดกระชับหรือกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ทำให้ยกกระชับผิวให้เรียบตึงขึ้นกว่าเดิม
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยจากการหย่อนคล้อย เช่น แก้มย้อย ร่องแก้มลึก และมักให้ผลดีในคนช่วงอายุ 40 - 60 ปี อย่างไรก็ตามการรักษาได้ผลดีในระดับหนึ่งแต่ไม่เทียบเท่าการผ่าตัดดึงหน้า
ข้อควรคำนึง : RF ให้ความร้อนลงไปลึกทำให้ผิวหนังหดรัดมากอาจเกิดเป็นรอยบุ๋ม ปัจจุบันปรับให้ปลอดภัยมากขึ้นผลข้างเคียงน้อยลงมาก ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
BOTOX
หลักการ : Botox เป็นชื่อการค้าของ Botulinum toxin เป็นสารพิษสกัดจากแบคทีเรีย Clostidium Botulinum ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยฉีดปริมาณน้อย ๆ เข้ากล้ามเนื้อ เพื่อลดการหดเกร็งของผิวหนัง แต่ออกฤทธิ์เพียง 4-6 เดือนแล้วถูกร่างกายสลายไปตามธรรมชาติ
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : ลดริ้วรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว ตีนกาที่เกิดจากการยิ้ม
ข้อควรคำนึง : สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาให้หาย 100% เมื่อฉีด Botox 4-6 เดือนแล้วอาจมีรอยย่นกลับมาใหม่ได้ จึงควรทำการรักษาต่อเนื่อง
IONTO (Iontophoresis)
หลักการ : เป็นอุปกรณ์ช่วยเพิ่มการส่งผ่านโมเลกุลของยาเข้าสู่ผิวหนัง โดยใช้กระแสไฟฟ้าตรงเป็นตัวผลักดันไอออนต่าง ๆ ผ่านผิวหนังเข้าไป จึงใช้กระแสไฟฟ้าผลักดันตัวยาซึ่งมีประจุให้ผ่านชั้นหนังกำพร้า (epidermis) ทางรูต่าง ๆ (skin pores) ต่อมเหงื่อ (sweat glands) หรือต่อมรากขน (hair follicles) และเข้าไปยังชั้นหนังแท้ (dermis) ต่อไป นอกจากนี้ความต้านทานโดยรวมของผิวหนังยังลดลงเนื่องจากอิทธิพลของกระแสไฟฟ้าจึงทำให้ตัวยาสามารถผ่านได้ง่ายขึ้นอีกด้วย และผิวหนังจะเป็นเสมือนที่เก็บกักตัวยา ซึ่งจะค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวยาเข้าสู่ชั้นเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปบริเวณที่ได้รับการรักษาอาจจะแดงหรือเป็นสีชมพูอยู่ชั่วคราว เนื่องจากเส้นเลือดฝอยขยายโดยทั่วไปจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 ชม. หลังจากทำเสร็จ
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : ใช้ส่งเสริมการทายาพวกแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Antioxidant) ที่สลายตัวง่ายเช่น วิตามินซี วิตามินเอ Aloe vera เป็นต้น
ข้อควรคำนึง : Ionto มีข้อควรระวังน้อย แต่ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการไหม้ของผิวหนังภายใต้บริเวณที่สัมผัสกับขั้วกระตุ้น เนื่องจากปริมาณกระแสไฟฟ้าที่หนาแน่นใต้ขั้วกระตุ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีแผลเปิดหรือถลอก เพราะจะเป็นบริเวณที่มีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ นอกจากนั้นบริเวณที่มีแผลเป็น (scar) ก็มักจะเป็นที่สะสมของกระแสไฟฟ้าซึ่งทำให้เกิดการไหม้ได้เหมือนกัน
คำเตือน : ยังไม่มีการยืนยันผลที่แน่นอนจากการใช้ Ionto ว่ามีประสิทธิภาพจริง
Dermal Filler
หลักการ : เป็นสารเติมเต็มสำหรับฉีดเข้าใต้ผิวหนังทดแทนคอลลาเจนที่หายไปในรอยย่นลึกถาวร อาจใช้คอลลาเจนหรือ Hyaluronic acid เพื่อความปลอดภัยควรเป็นสกัดจากธรรมชาติเพราะจะสลายไปเองในระยะเวลา 4-6 เดือน
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : รอยย่นลึก รอยย่นระหว่างคิ้วหรือร่องแก้มที่เป็น Static line
ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้สารพวกซิลิโคน อยู่ได้นานจริงแต่อาจไหลย้อยสู่ที่อื่นได้ และอาจเกิดอาการแพ้รุนแรง
หลักการ : Botox เป็นชื่อการค้าของ Botulinum toxin เป็นสารพิษสกัดจากแบคทีเรีย Clostidium Botulinum ออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยฉีดปริมาณน้อย ๆ เข้ากล้ามเนื้อ เพื่อลดการหดเกร็งของผิวหนัง แต่ออกฤทธิ์เพียง 4-6 เดือนแล้วถูกร่างกายสลายไปตามธรรมชาติ
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : ลดริ้วรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว ตีนกาที่เกิดจากการยิ้ม
ข้อควรคำนึง : สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาให้หาย 100% เมื่อฉีด Botox 4-6 เดือนแล้วอาจมีรอยย่นกลับมาใหม่ได้ จึงควรทำการรักษาต่อเนื่อง
IONTO (Iontophoresis)
หลักการ : เป็นอุปกรณ์ช่วยเพิ่มการส่งผ่านโมเลกุลของยาเข้าสู่ผิวหนัง โดยใช้กระแสไฟฟ้าตรงเป็นตัวผลักดันไอออนต่าง ๆ ผ่านผิวหนังเข้าไป จึงใช้กระแสไฟฟ้าผลักดันตัวยาซึ่งมีประจุให้ผ่านชั้นหนังกำพร้า (epidermis) ทางรูต่าง ๆ (skin pores) ต่อมเหงื่อ (sweat glands) หรือต่อมรากขน (hair follicles) และเข้าไปยังชั้นหนังแท้ (dermis) ต่อไป นอกจากนี้ความต้านทานโดยรวมของผิวหนังยังลดลงเนื่องจากอิทธิพลของกระแสไฟฟ้าจึงทำให้ตัวยาสามารถผ่านได้ง่ายขึ้นอีกด้วย และผิวหนังจะเป็นเสมือนที่เก็บกักตัวยา ซึ่งจะค่อย ๆ ปลดปล่อยตัวยาเข้าสู่ชั้นเนื้อเยื่อที่ลึกลงไปบริเวณที่ได้รับการรักษาอาจจะแดงหรือเป็นสีชมพูอยู่ชั่วคราว เนื่องจากเส้นเลือดฝอยขยายโดยทั่วไปจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 ชม. หลังจากทำเสร็จ
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : ใช้ส่งเสริมการทายาพวกแอนตี้ออกซิแดนซ์ (Antioxidant) ที่สลายตัวง่ายเช่น วิตามินซี วิตามินเอ Aloe vera เป็นต้น
ข้อควรคำนึง : Ionto มีข้อควรระวังน้อย แต่ก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการไหม้ของผิวหนังภายใต้บริเวณที่สัมผัสกับขั้วกระตุ้น เนื่องจากปริมาณกระแสไฟฟ้าที่หนาแน่นใต้ขั้วกระตุ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีแผลเปิดหรือถลอก เพราะจะเป็นบริเวณที่มีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ นอกจากนั้นบริเวณที่มีแผลเป็น (scar) ก็มักจะเป็นที่สะสมของกระแสไฟฟ้าซึ่งทำให้เกิดการไหม้ได้เหมือนกัน
คำเตือน : ยังไม่มีการยืนยันผลที่แน่นอนจากการใช้ Ionto ว่ามีประสิทธิภาพจริง
Dermal Filler
หลักการ : เป็นสารเติมเต็มสำหรับฉีดเข้าใต้ผิวหนังทดแทนคอลลาเจนที่หายไปในรอยย่นลึกถาวร อาจใช้คอลลาเจนหรือ Hyaluronic acid เพื่อความปลอดภัยควรเป็นสกัดจากธรรมชาติเพราะจะสลายไปเองในระยะเวลา 4-6 เดือน
สภาพปัญหาที่เหมาะสม : รอยย่นลึก รอยย่นระหว่างคิ้วหรือร่องแก้มที่เป็น Static line
ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้สารพวกซิลิโคน อยู่ได้นานจริงแต่อาจไหลย้อยสู่ที่อื่นได้ และอาจเกิดอาการแพ้รุนแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น