วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

โสม เสริมสวย


โสม (Ginseng) เป็นสมุนไพรที่ถูกวิจัยในทางการแพทย์แล้วพบว่า โสมมีสรรพคุณในการป้องกันและบำบัดรักษาโรคต่างๆได้โดยไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผู้ใช้แต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นรากของโสมหรือโสมที่สกัดมาแล้วไม่พบว่ามีอันตรายแต่อย่างใดแม้แต่การทำให้เกิดการเสพติดเหมือนยาแผนปัจจุบันก็ไม่มีรายงานในโสม

ดังนั้นโสมจึงได้รับความนิยมและความเชื่อถือมาเป็นเวลานานจนทุกวันนี้มีการนำโสมมาเพิ่มเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพต่างๆเช่น กาแฟโสม ที่มีสรรคุณทั้งในด้านลดน้ำหนักและในเรื่องความสวยความงาม โสมได้ชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดีและเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มคนเกาหลี จีนและญี่ปุ่นจนมีคำกล่าวว่า โสมเป็นยาอมตะหรือยาที่มหัศจรรย์ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาช้านาน
โสม เป็นพืชชนิดหนึ่งที่มีหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งมีสรรพคุณแตกต่างกันไปตามชนิดของสายพันธุ์นั้นๆ แต่โสมที่ดีที่สุดคือโสมที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเกาหลีและจีนเป็นส่วนใหญ่ สารสำคัญที่ตรวจพบในรากโสมที่มีฤทธิ์ในทางรักษาโรคคือ Ginsenosides ที่มีคุณสมบัติในการปรับสมดุลของร่างกาย (หยิน-หยาง) ได้เป็นอย่างดี โสมจะดีมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับปริมาณ Ginsenosides ที่มีอยู่ในรากโสมนั่นเอง
โสม ยังมีประโยชน์ในการช่วยให้เนื้อเยื่อดูดซึมออกซิเจนได้มากขึ้นจึงทำให้กระบวนการเผาผลาญอาการในร่างกายเกิดได้มากขึ้นซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดพลังงานแก่ร่างกายจำนวนมาก โสมยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่เป็นสาเหตุของการทำลายเซลล์ให้แก่ก่อนวัยและยังมีประสิทธิภาพในการเป็นภูมิคุ้มกันโรคต่างๆได้อีกด้วย
นอกจากนี้โสมยังเป็นสมุนไพรที่ได้รับการกล่าวขานถึงสรรพคุณในการบำรุงกำลัง ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยและลดความเครียดได้ หากใครทำงานหนักและเครียดให้กินโสมจะช่วยทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงและคลายเครียด โสมยังเป็นยาบำรุงให้เกิดผลดีต่อสมรรถภาพทางเพศอีกด้วย การใช้โสมให้ได้ผลดีต้องรู้วิธีใช้อย่างถูกต้องโดยหลังจากกินโสมแล้วประมาณ 3 ชั่วโมงไม่ควรกินอาหารอย่างอื่นตามและอย่าใช้โสมร่วมกับสารต่างๆที่มีภาวะความเป็นกรดเช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว ฯลฯ เพราะสรรพคุณของโสมจะถูกทำลายโดยความเป็นกรดได้
ขอบคุณข้อมูลจาก http://thai-good-health.blogspot.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สาวๆจ๋ารู้จักมะหาดกันไว้เพราะยุุคนี้เค้าแรงจริง


 สาวๆจ๋ารู้จักมะหาดกันไว้เพราะยุคนี้เค้าแรงจริง 

 สมัยก่อนเราอาจจะรู้จักมะหาดในชื่อของยาถ่ายพยาธิ  แต่ปัจจุบัน มีคนคิดค้น นำมาสกัด เป็นโลชั่น ทาตัว ซึ่งช่วย เปลี่ยนเม็ดสีในตัวเรา ทำให้เราขาวขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจน เริ่มเป็นที่นิยม กับคนปัจจุบัน เพราะมะหาดเป็นสมุนไพรไทย ไม่ใช่สารเคมี จึงปลอดภัยและมีราคาถูก และที่สำคัญคือเห็นชัดเจนและรวดเร็วมาก ใครอยากขาวต้องลองซื้อไปใช้บ้างแล้วนะค่ะ แล้วจะรู้ว่ามะหาดช่วยให้คุณขาวได้จริงๆ
โลชั่นไวท์เทนนิ่งมะหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้
เนื้อครีบโลชั่นตัวนี้ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ไว เหมาะกับสาวๆเมืองไทยที่ผิวคล้ำจากแดด หรือโดยธรรมชาติ ใช้แล้วรับรองต้องติดใจอย่างแน่นอน เพราะ ขาวจริงในไม่กี่วันผิวคุณจะพลัดสีผิวได้อย่างชัดเจน ช่วยให้ผิวของคุณขาวเด่นตามไตล์สาวเกาหลีเลยค่ะ แถมยังปลอดภัยเพราะเป็นสมุนไพรไทยอีกด้วย 
สารสกัดมะหาด ช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ทำปฏิกริยาในการสร้างเม็ดสีผิวช่วยให้ผิวขาวใสกระจ่างขึ้นอย่างธรรมชาติ เพราะไปช่วยลดเลือนจุดด่างดำบนผิวกายโดยตรงให้ขาวขึ้นไม่ว่าจะสาเหตุจากผิวของคุณผิดปกติ หรือเสียจากแสงแดด

ข้อดีของครีมมะหาด
ผิวขาวไวใน วัน เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องเนื้อโลชั่นซึมซับได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะให้รำคาญมีกลิ่นหอมไฮโซเลิศๆ เหมือนดอกไม้ ไม่เหมือนใครเห็นผลรวดเร็วทันใจ ถ้าหลีกเลี่ยงแสงแดดขณะใช้ครีมมะหาดนี้
ผลวิจัย
เภสัชศาสตร์ จุฬาฯได้ค้นพบว่า แก่นของมะหาด ซึ่งเป็นสมุนไพรไทย ช่วยลดความเข้มข้น
ของเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในผิวหนังของคนเราได้! ซึ่งปลอดภัยและยังไม่ทำให้คนที่ระคายผิวง่าย 
หรือ ผิวบอบบาง เกิดอาการแต่อย่างใดอ้างอิงจากผลจากห้องทดลองกับหนูตะเภาว่า
มีประสิทธิภาพในการลดสีผิวกับมัน ต่อมาจึงนำมาทดลองกับอาสาสมัครจำนวน 4 คน 
ซึ่งให้ทาสารสะกัดจากแก่นของมะหาดลงบนแขนวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น 
เป็นเวลา 4 อาทิตย์ ได้ทำการตรวจวัดความเข้มข้นของสีผิวด้วยเครื่อง Mexameter 
ควบคู่ตลอดการทดลอง พบว่ามีแนวโน้มของเม็ดสีผิวที่แขนลดลงอย่างเห็นได้ชัด 
นอกจากนี้ยังพบอีกว่าไม่ส่งผลต่อการระคายเคืองผิวหนัง ต่อมาจึงเพิ่มจำนวนอาสา
สมัครมากขึ้นเป็น 60 คน ใช้เวลา 12 อาทิตย์  โดยแบ่งผู้ทดลองออกเป็น 3 กลุ่มย่อย 
เพศหญิง 20 คน อายุ 20 – 48 ปี ที่มีผิวหนังปกติ ให้ทาสารสกัดมะหาดลงบนแขนวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ผลการทดลองพบว่าผิวหนังของผู้ทดลองในโครงการนี้มีผิวขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้นเรื่อยๆใน 4 อาทิตย์

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สาวๆมาทำความรู้จักกับอัลฟ่าอาร์บูตินกัน


ช่วงนี้สาวๆคงได้ยินคำว่า อัลฟ่าอาร์บูติน กันบ่อยเลยใช่มั๊ยคะ แต่บางคนอาจยังไม่ทราบว่าอัลฟ่าอาร์บูตินคืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร งั้นวันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับอัลฟ่าอาร์บูตินกันค่ะ
อัลฟ่าอาร์บูตินคืออะไร ?
arbutin เป็นสารสกัดจากพืชหลากหลายชนิด โดยส่วนใหญ่จะมาจากต้น Bearberry ซึ่งมีสารช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินบนผิวหนังมนุษย์อย่างได้ผล ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสูง เพราะช่วยลดรอยด่างดำ กระ ฝ้า และช่วยปรับให้ผิวขาวได้จริง ในแง่วิทยาศาสตร์จะเรียกว่าเป็น
ผล bearberry
ผล bearberry ส่วนผสมหลักของ Alpha arbutin
กลุ่มเดียวกับสารอนุพันธ์ไฮโดรคิวโนน (Hydroquinone) ซึ่งกลุ่มนี้ยังแยกเป็นอีก 2 ประเภทคือ 1. เป็นกลุ่มสารเคมีที่มีผลค้างเคียง 2. ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งสารจากต้น Bearberry ถูกจัดอยู่ในกลุ่มหลังซึ่งปลอดภัย 100%
สารอัลฟ่าอาบูตินจะพบได้ในส่วนผสมเครื่องสำอางค์ หรือครีมบำรุงผิวพรรณในท้องตลาดมาก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสินค้าเกรดสูง ราคาแพง เพราะต้นทุนสูง เช่น ครีมหน้าเด้ง ครีมหน้าใส ครีมหน้าขาว สูตรต่างๆตามท้องตลาด ซึ่งเพื่อนๆคงเคยได้ยินว่าครีมตัวนี้ผสมโกจิเบอรรี่ใช่ไหมคะ นั่นก็เป็นสารตระกูลเดียวกับอัลฟ่าอาบูตินค่ะ ซึ่งพืชตระกูลนี้สามารถช่วยให้ผิวขาวได้จริงค่ะ
อัลฟ่าอาร์บูตินทำให้ขาวจริงไหม?
หากได้อ่านตามเอกสารอ้างอิงทางการแพทย์และตามรีวิวในอินเตอร์เน็ทจะพบว่าทำให้ขาวจริงค่ะ แต่ต้องควบคู่กับพฤติกรรมของผู้ใช้ด้วยว่า หลีกเลี่ยงแสงแดด พักผ่อนให้เพียงพอ  กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และที่สำคัญไม่เครียดค่ะ ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ส่วนสารอัลฟ่าอาบูตินเป็นตัวช่วยให้ขาวง่ายขึ้น และไวขึ้นค่ะ
อัลฟ่าอาร์บูตินมีประโยชน์จริงหรือ?
อัลฟ่าอาร์บูตินช่วยให้ผิวขาวขึ้นจริงและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก ซึ่งสารชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวก วิตามินซี สารโกจิ ที่ช่วยให้ผิวพรรณขาวขึ้นโดยไม่มีผลข้างเคียงค่ะ สาวๆทราบถึงประโยชน์ของอัลฟ่าอาร์บูตินแล้ว ก่อนซื้อเครื่องสำอาง หรือครีมบำรุงผิวต้องดูให้แน่ใจก่อนนะคะ

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เคล็ดลัพธ์ผิวขาว


วิธีทําให้ผิวขาว 12 วิธี... บอกลาผิวหม่นหมอง

         สาวๆ ก็ต้องมาคู่กับความสวยความงาม วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองด้วยวิธีธรรมชาติๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วย ว่าแล้วไปดู  12 วิธีทําให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองกันเลย...

            1. การขัดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาวที่ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิว โดยการใช้สครับที่มีขายตามท้องตลาดหรือจะเป็นสครับจากธรรมชาติง่ายๆ แต่ได้ผล ซึ่งมีหลากหลายสูตรให้เลือก ได้แก่ มะละกอ นมสด มะขามเปียก น้ำผึ้ง โยเกิร์ต มะนาว  โดยนำอย่างใดอย่างหนึ่งมาผสมกับเกลือทะเลเพื่อให้มีเม็ดสำหรับขัดผิว เพียงเท่านี้คุณก็มีสครับขัดผิวได้ง่าย ๆ แล้ว หรือจะใช้ใยบวบในการช่วยขัดผิวก็ได้การขัดผิวนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป แล้วเผยผิวใหม่ที่แน่นอนว่าต้องสว่างใสกว่าเดิม และควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อการปรนนิบัติและดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

            2. เอเอชเอ หรือกรดผลไม้ มีขายทั่วไปตามคลินิกเสริมความงามหรือร้านขายยาทั่วไป ใช้สำหรับทาบนใบหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกมา เป็น วิธีทําให้ผิวขาว เผยผิวใหม่ที่ขาวผ่อง แต่การใช้เอเอชเอนี้ ต้องดูแลและระวังเรื่องการออกแดด เพราะผิวคุณจะบางลงและไวต่อแดดมากกว่าเดิม

            3. น้ำนมเพื่อผิวขาว 
ไม่จำเป็นต้องลงไปแช่ในอ่างที่มีน้ำนมอยู่เต็มอ่าง แต่คุณสามารถทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำนมทาบนผิวโดยตรง อาจใช้ใยบวบช่วยเพื่อขัดผิวไปด้วยเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวจะค่อย ๆ ขาวขึ้น

4. ผลไม้รสเปรี้ยว ช่วยในการขัดขี้ไคล เป็น วิธีทําโดยใช้ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะนาว สับปะรด มะขามเปียก ส้ม เพราะมีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิวให้ขาวใส และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกมาได้ แต่หากคุณเป็นคนผิวบาง ไม่ควรใช้มะนาวหรือสับปะรดที่มีความเป็นกรดสูง ควรใช้ส้มเช้งที่มีคุณสมบัติคล้าย ๆ กันก็ได้

           
 5. ครีมบำรุงเพื่อผิวขาว ควรใช้ครีมบำรุงที่มีไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวในตอนเย็น และทาซ้ำก่อนนอนเพื่อเสริมประสิทธิภาพของครีมบำรุงให้บำรุงอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนกลางวันให้ทาไวท์เทนนิ่งเพียงบาง ๆ แล้วตามด้วยครีมกันแดดหรือจะใช้ไวท์เทนนิ่งที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดก็ได้ แต่หากสาว ๆ คนไหนอยู่ติดบ้าน ไม่ได้ออกไปเผชิญแสงแดดเลย ใช้ไวท์เทนนิ่งตัวเดียว ทาวันละ 2-3 ครั้งก็เอาอยู่แล้วจ้า

           
 6. ครีมกันแดด ควรเป็นสิ่งที่สาว ๆ ต้องมีติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลา ในกรณีที่คุณต้องเผชิญกับแสงแดดจัดโดยไม่ได้วางแผนมาก่อนจะได้หยิบขึ้นมาใช้ได้ทันการทันเวลาและอย่าลืมว่า ครีมกันแดดจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากคุณเพิ่งขัดผิวหรือใช้เอเอชเอกับผิวมาหมาด ๆ เพราะผิวคุณจะไวต่อแดดมาก จึงควรทาครีมกันแดด20าทีก่อนออกแดดทุกครั้งและทาซ้ำอีกทุกๆ2-3ชั่วโมง

           
 7. ทานอาหารให้เหมาะสม โดยให้มีผักและผลไม้ในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งทุกมื้อ เพราะผักผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่าย ช่วยเรื่องของการขับถ่ายและยังมีแอนตี้อ็อกซิแดนซ์ที่ทำให้ผิวสวยกระชับอีกด้วยซึ่งเมื่อร่างกายขับถ่ายตามปกติแล้วหน้าตาผิวพรรณก็จะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

           
 8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับเหงื่อไคล และสิ่งสกปรกใต้ผิวรวมถึงสารพิษออกมา ซึ่งจะทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้นยิ่งออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ผิวสดใสอยู่ตลอดเวลาแถมการออกกำลังกายยังช่วยลดการอุดตันของสิ่งสกปรกใต้ผิว ทำให้ไม่มีสิวอีกด้วย

           
 9. วิตามินซีเพื่อผิวสวย วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยให้ ดังนั้นจึงเป็นสารอาหารที่ร่างกายควรได้รับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากการทานผักผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะนาว หรือหากได้รับในแต่ละวันไม่เพียงพอ ก็อาจจะทานวิตามินแบบเม็ดที่ขายในร้านขายยาก็ได้ วิธีทําให้ผิวขาว นี้จะช่วยในเรื่องผิวและมีส่วนช่วยในเรื่องการขับถ่ายไปพร้อม ๆ กัน

           
 10. การอบไอน้ำผิวหน้า เป็นการทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนอย่างลึกซึ้ง ช่วยทั้งเรื่องของผิวสะอาดสว่างใส เป็นทั้ง วิธีทําให้ผิวขาว และช่วยขจัดสิวไปพร้อม ๆ กัน โดยวิธีอบไอน้ำผิวหน้านั้นก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงตั้งกะทะต้มน้ำจนเดือดจากนั้นน้ำกะทะมาวางบนโต๊ะแล้วยื่นหน้าให้อยู่เหนือไอน้ำความร้อนจะช่วยเปิดรูขุมขน และไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนค่ะ

           
 11. เมคอัพช่วยได้ ใช้ครีมรองพื้นและแป้งที่สว่างกว่าผิวจริง1ระดับสีและหลังจากแต่งหน้าแล้วให้นำพู่กันแตะแป้งกลิตเตอร์ประกายมุกปัดบริเวณหน้าผากและโหนกแก้ม ก็จะช่วยให้หน้าดูสว่างใสขึ้นได้เยอะเลยทีเดียว

           
 12. สารพัดสูตรพอกหน้า นอกจากการขัดผิวแล้ว สาว ๆ ที่อยากมีผิวขาวสุขภาพดีควรพอกหน้า รวมถึงผิวกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยสูตรผิวขาวที่สามารถทำเองได้จากวัตถุดิบในบ้านนั้นก็มีมากมาย ที่สำคัญยังเห็นผลชัดอีกด้วยหากทำอย่างต่อเนื่อง
และสูตร วิธีทําให้ผิวขาว ที่หยิบยกมาฝากกันมีดังนี้

           วิธีทําให้ผิวขาว : สูตรมะละกอนมสด นำมะละกอมาบดผสมกับนมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปพอกบนใบหน้าหรือผิวกายทิ้งไว้ประมาณ20นาทีแล้วล้างออก

           วิธีทําให้ผิวขาว : โยเกิร์ตผสมมะนาว มะนาวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีความเป็นกรดสูงมาก จนอาจทำให้แสบผิวได้ ดังนั้นการนำมะนาวมาผสมโยเกิร์ตแล้วนำไปทาผิวทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จะช่วยลดการระคายเคืองผิวและมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าเผยผิวใหม่ที่ใสกว่าเดิม

           วิธีทําให้ผิวขาว : น้ำมันมะพร้าวเพื่อ
ผิวเนียนนุ่ม เป็นสูตรโบราณที่ใช้ได้ผลมาก น้ำมันมะพร้าวจะช่วยในเรื่องการทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น แม้เพียงครั้งแรกที่ได้นำน้ำมันมะพร้าวมาทาผิว รับรองได้เลยว่า สาว ๆ จะรู้สึกถึงความเนียนนุ่มได้ทันทีเลยล่ะ

           วิธีทําให้ผิวขาว: น้ำผึ้งและโยเกิร์ต นำส่วนผสมดังกล่าวพอกลงบนใบหน้าหรือผิวกายประมาณ 30 นาทีก่อนล้างออก ช่วยให้ผิวขาวและนุ่มขึ้นได้ สามารถทำได้วันเว้นวันค่ะ

           วิธีทําให้ผิวขาว : กล้วยหอมและนมสด นำมาบดผสมกัน จากนั้นนำไปพอกผิวในบริเวณที่ต้องการ จะทำให้ผิวขาวเนียนสวยได้ สามารถทำได้วันเว้นวันเช่นกัน

ที่มา: http://women.kapook.com/view742.html

มาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์


 ภัยจากการฉีดฟิลเลอร์เถื่อน

 "การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) กำลังเป็นที่นิยมของหนุ่มสาวยุคนี้มาก เพราะเจ็บนิดเดียว แต่สวยได้รวดเร็วทันใจภายใน 10 นาทีหลังฉีด แถมยังไม่ต้องฟักฟื้นด้วย...แต่ชีวิตไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะหากคุณไม่ศึกษาข้อมูลให้ดีเพียงพอ หรือถึงคราวเคราะห์ไปเจอกับฟิลเลอร์ปลอมหรือผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ซึ่งลักลอบรับฉีดฟิลเลอร์เถื่อนขึ้นมา ก็อาจเกิดอันตรายร้ายแรงตามมาได้"มาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์กันก่อน
ฟิลเลอร์เป็นสารสังเคราะห์เพื่อเสริมความงาม โดยเฉพาะบนใบหน้า เพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัย ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึง และเสริมสร้างความโดดเด่นบนใบหน้า เช่น ฉีดสันจมูกให้โด่งขึ้นแทนการผ่าตัดใส่ซิลิโคนแท่ง ฉีดคางให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก เป็นต้น ซึ่งสารฟิลเลอร์นี้มีใช้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งอาจไม่เป็นที่คุ้นหูของคนทั่วไปนัก แต่ปัจจุบันนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้รักสวยรักงาม สารฟิลเลอร์ที่ใช้กันตอนนี้มีหลายชนิด หลายยี่ห้อ หลายราคา โดยมีการนำเข้าจากหลายประเทศ และต้องขออนุญาตนำเข้าจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ก่อน...สารฟิลเลอร์จะมีลักษณะใสๆ คล้ายเจล ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 2 ชนิดคือ

- คอลลาเจน (Collagen) เป็นสารสกัดหรือสารสังเคราะห์จากไขมันสัตว์ เช่น ไขมันวัว ซึ่งบางคนอาจเกิดปัญหาการแพ้โปรตีนได้ ดังนั้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ชนิดนี้จึงต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนประมาณ 2 สัปดาห์

- สารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นสารอุ้มน้ำที่มีอยู่ในชั้นหนังแท้และมีในร่างกายของคนเรา บางชนิดเป็นสารที่สกัดมาจากสัตว์บางชนิด เป็นการสังเคราะห์ทางชีวภาพ สกัดมาจากน้ำตาลที่ถูกย่อยโดยแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus bacteria) ซึ่งสารไฮยาลูรอนิก แอซิดนี้ มีข้อดีคือปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ไม่ต้องทดสอบก่อนฉีด และหากฉีดไปแล้วไม่พอใจก็สามารถแก้ไขได้ โดยแพทย์จะฉีดสารละลายแก้ไขที่ชื่อ ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase) เข้าไปเพื่อสลายสารไฮยาลูรอนิก แอซิด ให้ยุบตัวลง
จะป้องกันตัวเองให้พ้นภัยจากฟิลเลอร์เถื่อนได้อย่างไร
1.ห้ามฉีดฟิลเลอร์กับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเด็ดขาด!
หลังจากมีกระแสนิยมในเรื่องการฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น ก็มีข่าวว่ามีการลักลอบฉีดซิลิโคนเหลวแทนสารฟิลเลอร์ และมีการลักลอบฉีดฟิลเลอร์โดยผู้ฉีดที่ไม่ใช่แพทย์ โดยมีการโฆษณาตามเว็บไซต์ หรือเร่ฉีดตามรถตู้ ตามคอนโดฯ ซึ่งมีค่าบริการที่ถูกกว่าคลินิกมาก เพราะใช้สารฟิลเลอร์ปลอมหรือสารฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. ซึ่งทั้งผิดกฎหมาย และมีผลเสียที่ร้ายแรง
2.แม้ฟิลเลอร์จะได้มาตรฐาน แต่ถ้าฉีดพลาด อาจถึงขั้นพิการได้การฉีดฟิลเลอร์กับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่าจะเป็นสารที่ได้มาตรฐานก็อาจเกิดความผิดพลาดได้ เช่น กรณีฉีดเสริมสันจมูก หากฉีดถูกเส้นเลือด สารฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดในเส้นเลือดและเข้าไปกดทับเส้นเลือดดำระหว่างหัวคิ้ว ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ จนถึงขั้นตาบอดได้ในระยะเวลา 2 ชั่วโมง หรือสารฟิลเลอร์อาจเข้าไปในกระแสเลือด แล้วเข้าสู่สมองได้ หรืออาจทำให้เส้นเลือดแตก เส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตัน เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้...ที่ผ่านมายังไม่พบว่ามีการแพ้สารที่ขึ้นทะเบียนรับรองความปลอดภัยจาก อย.3.พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก่อนฉีดฟิลเลอร์บรรดาวัยรุ่นหรือสาวๆ ที่คิดจะฉีดฟิลเลอร์เพื่อเสริมความงามทั้งจมูก คาง ใบหน้า ขอให้พิจารณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ควรเลือกประเภทฟิลเลอร์และสถานที่เข้ารับบริการที่ปลอดภัย โดยปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง


ที่มา ... www.teenee.com