คอลลาเจนกับQ10 ความสวยที่สาวๆต้องรีบอ่าน
คอลลาเจน เป็นโมเลกุลของโปรตีน
มีคุณสมบัติกระตุ้นการเจริญเติบโตของผิว รักษาน้ำในผิวและช่วยป้องกันเชื้อโรค
จึงถูกนำมาใช้รักษาคนไข้ที่มีแผลไฟไหม้ แต่การกินคอลลาเจนไม่ช่วยให้ผิวสวยได้โดยตรงเพราะสารคอลลาเจนที่สังเคราะห์จากสัตว์และพืชจะถูกทำลายไปส่วนหนึ่งเมื่อถูกความร้อน
และคอลลาเจนส่วนที่เหลือจะถูกกรดในกระเพาะอาหารย่อยให้เป็นอะมิโนแอสิดที่ใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
และหากมีปริมาณมากเกินความต้องการจะถูกแปลงเป็นไกลโคเจนและสะสมอยู่ในร่างกาย การกินคอลลาเจนจึงไม่แตกต่างกับการกินอาหารที่มีโปรตีนเช่น เนื้อปลา
หมู หรือพืชตระกูลถั่ว แต่จะต้องกินร่วมกับวิตามินซีซึ่งเป็นตัวช่วยร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนด้วย
โคเอนไซม์ Q 10 สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยการแบ่งเซลล์ของผิวหนัง และชะลอการสูญเสียไฮยาลูโรเนด นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างพลังงาน จึงพบโคเอนไซม์ Q10 มากในผิวและอวัยวะที่ต้องการพลังงาน เช่น หัวใจ ตับ ปัจจุบันกำลังทดลองใช้โคเอนไซม์ Q 10 รักษาโรคต่างๆ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคมะเร็ง ไมเกรน โรคเกี่ยวกับความเสื่อม เช่น สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน โรคหัวใจ หัวใจขาดเลือด เอดส์ ฯลฯ
มีการทดลองมากมายพบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโคเอนไซม์ Q 10 อย่างการทาจะป้องกันยูวีเอได้ดี ผลคือช่วยลดการทำลายคอลลาเจนและไฮยาลูโรเนดในผิว ทั้งยังช่วยปรับสภาพผิวให้สวยขึ้นภายใน 6 เดือน ปกติร่างกายจะสังเคราะห์โคเอนไซม์ Q 10 จากอาหารประเภทโปรตีน คือ ปลาและเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับและหัวใจ
การกินโคเอนไซม์ Q 10 เป็นอาหารเสริมควรบริโภคในปริมาณ 30-50 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะหากกินมากเกินไปจะเกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียน ผื่นคัน ปวดหัว ท้องเสีย เจ็บหน้าอก เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ มึนงง หงุดหงิด กระสับกระส่าย ตาแพ้แสง อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ผู้ที่ต้องระวังคือผู้ป่วยโรคเบาหวานน้ำตาลต่ำเพราะจะทำให้น้ำตาลลด และคนที่เป็นโรคเลือดเพราะโคเอนไซม์ Q 10 จะไปลดประมาณเกล็ดเลือดทำให้เลือดออกง่าย รวมถึงคนที่เป็นความดันต่ำ คนท้อง และแม่ที่ให้นมลูก
คอลลาเจน โคเอนไซม์ Q10 และไฮยาลูรอนเป็นสารที่ร่างกายต้องการน้อยมาก เรียกว่า ไมโครนูเทรียน (Micro Nutrian) เพราะสังเคราะห์ได้เองจากอาหารที่เรากิน แต่มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการสังเคราะห์และการลดของสารเหล่านี้ ซึ่งจะนำมาพิจารณาได้ว่า เราต้องการอาหารเสริมสำหรับผิวหรือไม่
โคเอนไซม์ Q 10 สารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยการแบ่งเซลล์ของผิวหนัง และชะลอการสูญเสียไฮยาลูโรเนด นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างพลังงาน จึงพบโคเอนไซม์ Q10 มากในผิวและอวัยวะที่ต้องการพลังงาน เช่น หัวใจ ตับ ปัจจุบันกำลังทดลองใช้โคเอนไซม์ Q 10 รักษาโรคต่างๆ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคมะเร็ง ไมเกรน โรคเกี่ยวกับความเสื่อม เช่น สมองเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์คินสัน โรคหัวใจ หัวใจขาดเลือด เอดส์ ฯลฯ
มีการทดลองมากมายพบว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโคเอนไซม์ Q 10 อย่างการทาจะป้องกันยูวีเอได้ดี ผลคือช่วยลดการทำลายคอลลาเจนและไฮยาลูโรเนดในผิว ทั้งยังช่วยปรับสภาพผิวให้สวยขึ้นภายใน 6 เดือน ปกติร่างกายจะสังเคราะห์โคเอนไซม์ Q 10 จากอาหารประเภทโปรตีน คือ ปลาและเครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับและหัวใจ
การกินโคเอนไซม์ Q 10 เป็นอาหารเสริมควรบริโภคในปริมาณ 30-50 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะหากกินมากเกินไปจะเกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียน ผื่นคัน ปวดหัว ท้องเสีย เจ็บหน้าอก เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ มึนงง หงุดหงิด กระสับกระส่าย ตาแพ้แสง อ่อนเพลีย ครั่นเนื้อครั่นตัว ผู้ที่ต้องระวังคือผู้ป่วยโรคเบาหวานน้ำตาลต่ำเพราะจะทำให้น้ำตาลลด และคนที่เป็นโรคเลือดเพราะโคเอนไซม์ Q 10 จะไปลดประมาณเกล็ดเลือดทำให้เลือดออกง่าย รวมถึงคนที่เป็นความดันต่ำ คนท้อง และแม่ที่ให้นมลูก
คอลลาเจน โคเอนไซม์ Q10 และไฮยาลูรอนเป็นสารที่ร่างกายต้องการน้อยมาก เรียกว่า ไมโครนูเทรียน (Micro Nutrian) เพราะสังเคราะห์ได้เองจากอาหารที่เรากิน แต่มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการสังเคราะห์และการลดของสารเหล่านี้ ซึ่งจะนำมาพิจารณาได้ว่า เราต้องการอาหารเสริมสำหรับผิวหรือไม่
1.หากอายุมากกว่า 20 ปี ระบบซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะด้อยประสิทธิภาพลง ประกอบกับฮอร์โมนที่ลดลงและภูมิคุ้มกันไม่สมดุลจึงส่งผลต่อผิว
2.การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือการกินอาหารที่มีสารพิษเจือปนทำให้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารที่จำเป็นต่อร่างกายได้
2.การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือการกินอาหารที่มีสารพิษเจือปนทำให้ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์สารที่จำเป็นต่อร่างกายได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น